เนื่องจากเหลือการเรียนการสอนอีก 2 ครั้งก็จะสอบปลายภาค
จากแนวการสอนรายวิชานักศึกษาต้องพิมพ์รายงานและเย็บเล่มส่งตามที่ได้ระบุไว้คือ
1.รายงานศึกษารายกรณี (Case study)ซึ่งให้นักศึกษาทำการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ปัญหาและระบุแนวทางการช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่มีปัญหาทางพฤติกรรมอารมณ์ ทั้ง 6 ลักษณะ คือ ก้าวร้าว-ก่อกวน,ปัญหาการปรับตัว,การหลีกหนีสังคม,วิตกกังวลและขาดความเชื่อมั่นในตนเอง,ปัญหาผิดปกติทางการเรียน โดยระบุข้อมูลบันทึกการสัมภาษณ์และใช้แบบสอบถามตามข้อมูลในบทที่ 6 ของหนังสือประกอบการสอน และพรรณาวิธีการช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้หลักการแนวคิดที่เรียนมาเป็นแนวทาง
กำหนดส่งภายใน 12-13 มิถุนายน 2553 (20 คะแนน)
2.รายงาน ฝึกทักษะการให้คำปรึกษา (micro counseling) ให้นักศึกษาเลือกบุคคล 1 คน (ที่ไม่ใช่คนที่ทำ case study)เพื่อนำมาฝึกพุดคุยให้คำปรึกษาแนะแนว ตามขั้นตอนคือ สร้างสัมพันธภาพ, สำรวจปัญหา,ทำความเข้าใจกับปัญหา,วางแผนแก้ไขปัญหา,สรุปและยุติการปรึกษา โดยระหว่างที่พูดคุยนักศึกษาเลือกใช้ทักษะต่างๆ เช่น ถาม ฟังอย่างตั้งใจ เอาใจใส่ และเงียบ เป็นต้น รายละเอียดมีในในหนังสือ หน้า 164 และบันทึกภาพขณะพูดคุย อย่างน้อย 10 ภาพ อธิบายใต้ภาพว่ากำลังใช้ทักษะแบบใด อยู่ในขั้นตอนใด พิมพ์ส่ง
กำหนดส่งภายใน 12-13 มิถุนายน 2553 (10 คะแนน)
แหล่งสืบค้น ค้นคว้า สื่อประกอบการสอน และศูนย์ให้คำปรึกษาวิชาการ ประกอบการเรียน รายวิชา 1055501 การประยุกต์จิตวิทยาสำหรับครู (Psychology Application for Teacher) หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตและวิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี โดย คณาจารย์กลุ่มจิตวิทยาและการแนะแนว คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ดร.ศุภลักษณ์ สัตย์เพริศพราย ดร.รังรอง งามศิริ อ.ปรเมศร์ กลิ่นหอม (ผู้จัดการบล็อก)
วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
ประกาศ คะแนนสอบกลางภาค 3/2552 (หมู่เรียน9)
เลขที่ เลขประจำตัว ชื่อ - นามสกุล คะแนนกลางภาค (คะแนนเต็ม 20 คะแนน)คะแนนรายงานสืบค้นวิจียและนำเสนอ(คะแนนเต็ม 15 คะแนน)
1 บพก.52303385 นางสาวกนก บุญขำ (11 คะแนน)+(13คะแนน)
2 บพก.52303386 นางสาวกนกวรรณ สังควิสุทธิ์ **+(6คะแนน*)
3 บพก.52303387 นางกมลวรรณ สินคงเจริญ ** +(13 คะแนน)
4 บพก.52303388 นางสาวกฤษณา แผนสมบูรณ์ (12.5คะแนน)+(11คะแนน)
5 บพก.52303389 นางสาวชลธิชา คงมีผล ** +(13คะแนน)
6 บพก.52303390 นางสาวฐิติมา พรหมมา (12 คะแนน)+(13คะแนน)
7 บพก.52303392 นางสาวณัฐปภัสร์ พลายงาม (7.5 คะแนน)+(12คะแนน)
8 บพก.52303393 นางสาวณัฐานันท์ สมถวิล (10 คะแนน)+(11คะแนน)
9 บพก.52303394 นางสาวนพมาศ สมานทรัพย์ (12 คะแนน)+(13คะแนน)
10 บพก.52303395 นางสาวนันจนา ทุมมาส (11.5 คะแนน)+(11คะแนน)
11 บพก.52303396 นางนันฑิกา วงษ์จันทร์ศรี (16 คะแนน)+(13คะแนน)
12 บพก.52303397 นางสาวนิภาพร สมศรี ออก
13 บพก.52303398 นางประถม รุ่งเรือง (12 คะแนน)+(12คะแนน)
14 บพก.52303400 นางสาวปิยนันท์ เอกวิบูลย์ (10 คะแนน)+(12คะแนน)
15 บพก.52303401 นางสาวพจนีย์ จีนะ (14.5 คะแนน)+(13คะแนน)
16 บพก.52303402 นางสาวเพ็ญลักษณ์ กำธรธนกาญจน์ (13.5 คะแนน)+(11คะแนน)
17 บพก.52303403 นางสาวมยุรา สิทธิสร **+(4คะแนน*)
18 บพก.52303404 นางสาวมลฤดี ไชยคำภา (10 คะแนน)+(13คะแนน)
19 บพก.52303405 นางสาวรุ่งติกาญจน์ เกิดดี **
20 บพก.52303406 นางสาวรุ่งเพ็ชร ศรียะโสธร ออก
21 บพก.52303407 นางสาววงศ์นิศา พิลาวัลย์ **
22 บพก.52303408 นางวาทินี ไชยรัง (10.5 คะแนน)+(13คะแนน)
23 บพก.52303409 นางสาววราภรณ์ มาลัยรัตน์ (13.5 คะแนน)+(12คะแนน)
24 บพก.52303410 นางสาววันนภา ศิริธรรม (8 คะแนน)+(13คะแนน)
25 บพก.52303411 นางสาววราภรณ์ เอี่ยมแทน (13คะแนน)+(11 คะแนน)
26 บพก.52303412 นางสาววิภารัตน์ ลือสระน้อย (11 คะแนน)+(13คะแนน)
27 บพก.52303413 นางสาววิสาข์ ขุนศรีจตุรงค์ (9 คะแนน)+(7คะแนน*)
28 บพก.52303414 นางสาวศิรินภา บุญกอ (16.5 คะแนน)+(13คะแนน)
29 บพก.52303415 นางสาวศิริพร สุขเอี่ยม **
30 บพก.52303416 นางสาวสมจิต ด้วงเดช (15 คะแนน)+(13คะแนน)
31 บพก.52303417 นางสาวสุขฤทัย มาทัพ (13.5 คะแนน)+(13คะแนน)
32 บพก.52303418 นางสาวสุวิมล สังข์ศิลปชัย **+(13คะแนน)
33 บพก.52303420 นายกิตติพงษ์ ยอดดี (14.5 คะแนน)+(11คะแนน)
34 บพก.52303421 นายจรูญเดช ชัยรัตนการ **+(9คะแนน*)
35 บพก.52303422 นายชัยณรงค์ สังข์เฉย บวช
36 บพก.52303423 นายไตรรัตน์ ทองรัตนภาค (9.5 คะแนน)+(3คะแนน*)
37 บพก.52303424 นายทรงสันต์ อ่อนอุทัย (13 คะแนน)+(13คะแนน)
38 บพก.52303425 นายปัญญา มีศิริ (7 คะแนน)+(13คะแนน)
39 บพก.52303426 นายปิยพงศ์ ธนสมบูรณ์ (7.5 คะแนน)+(13คะแนน)
40 บพก.52303427 นายพยุงศักดิ์ มะเจียกจร (7 คะแนน)+(12คะแนน)
41 บพก.52303428 นายมานิตย์ ปานเหลือง (6.5 คะแนน)+(11คะแนน)
42 บพก.52303429 นายณัฐรินทร์ เจนจิรวัฒนกุล (11.5 คะแนน)+(11คะแนน)
43 บพก.52303430 นายสิงห์ สีเงิน **+(4คะแนน*)
44 บพก.52303431 นายสุภัท ทองไพรวรรณ (9.5 คะแนน)+(10คะแนน)
หมายเหตุ ** หมายถึง ขาดสอบ กลางภาค ไม่มีคะแนนโปรดติดต่ออาจารย์ผู้สอน
1 บพก.52303385 นางสาวกนก บุญขำ (11 คะแนน)+(13คะแนน)
2 บพก.52303386 นางสาวกนกวรรณ สังควิสุทธิ์ **+(6คะแนน*)
3 บพก.52303387 นางกมลวรรณ สินคงเจริญ ** +(13 คะแนน)
4 บพก.52303388 นางสาวกฤษณา แผนสมบูรณ์ (12.5คะแนน)+(11คะแนน)
5 บพก.52303389 นางสาวชลธิชา คงมีผล ** +(13คะแนน)
6 บพก.52303390 นางสาวฐิติมา พรหมมา (12 คะแนน)+(13คะแนน)
7 บพก.52303392 นางสาวณัฐปภัสร์ พลายงาม (7.5 คะแนน)+(12คะแนน)
8 บพก.52303393 นางสาวณัฐานันท์ สมถวิล (10 คะแนน)+(11คะแนน)
9 บพก.52303394 นางสาวนพมาศ สมานทรัพย์ (12 คะแนน)+(13คะแนน)
10 บพก.52303395 นางสาวนันจนา ทุมมาส (11.5 คะแนน)+(11คะแนน)
11 บพก.52303396 นางนันฑิกา วงษ์จันทร์ศรี (16 คะแนน)+(13คะแนน)
12 บพก.52303397 นางสาวนิภาพร สมศรี ออก
13 บพก.52303398 นางประถม รุ่งเรือง (12 คะแนน)+(12คะแนน)
14 บพก.52303400 นางสาวปิยนันท์ เอกวิบูลย์ (10 คะแนน)+(12คะแนน)
15 บพก.52303401 นางสาวพจนีย์ จีนะ (14.5 คะแนน)+(13คะแนน)
16 บพก.52303402 นางสาวเพ็ญลักษณ์ กำธรธนกาญจน์ (13.5 คะแนน)+(11คะแนน)
17 บพก.52303403 นางสาวมยุรา สิทธิสร **+(4คะแนน*)
18 บพก.52303404 นางสาวมลฤดี ไชยคำภา (10 คะแนน)+(13คะแนน)
19 บพก.52303405 นางสาวรุ่งติกาญจน์ เกิดดี **
20 บพก.52303406 นางสาวรุ่งเพ็ชร ศรียะโสธร ออก
21 บพก.52303407 นางสาววงศ์นิศา พิลาวัลย์ **
22 บพก.52303408 นางวาทินี ไชยรัง (10.5 คะแนน)+(13คะแนน)
23 บพก.52303409 นางสาววราภรณ์ มาลัยรัตน์ (13.5 คะแนน)+(12คะแนน)
24 บพก.52303410 นางสาววันนภา ศิริธรรม (8 คะแนน)+(13คะแนน)
25 บพก.52303411 นางสาววราภรณ์ เอี่ยมแทน (13คะแนน)+(11 คะแนน)
26 บพก.52303412 นางสาววิภารัตน์ ลือสระน้อย (11 คะแนน)+(13คะแนน)
27 บพก.52303413 นางสาววิสาข์ ขุนศรีจตุรงค์ (9 คะแนน)+(7คะแนน*)
28 บพก.52303414 นางสาวศิรินภา บุญกอ (16.5 คะแนน)+(13คะแนน)
29 บพก.52303415 นางสาวศิริพร สุขเอี่ยม **
30 บพก.52303416 นางสาวสมจิต ด้วงเดช (15 คะแนน)+(13คะแนน)
31 บพก.52303417 นางสาวสุขฤทัย มาทัพ (13.5 คะแนน)+(13คะแนน)
32 บพก.52303418 นางสาวสุวิมล สังข์ศิลปชัย **+(13คะแนน)
33 บพก.52303420 นายกิตติพงษ์ ยอดดี (14.5 คะแนน)+(11คะแนน)
34 บพก.52303421 นายจรูญเดช ชัยรัตนการ **+(9คะแนน*)
35 บพก.52303422 นายชัยณรงค์ สังข์เฉย บวช
36 บพก.52303423 นายไตรรัตน์ ทองรัตนภาค (9.5 คะแนน)+(3คะแนน*)
37 บพก.52303424 นายทรงสันต์ อ่อนอุทัย (13 คะแนน)+(13คะแนน)
38 บพก.52303425 นายปัญญา มีศิริ (7 คะแนน)+(13คะแนน)
39 บพก.52303426 นายปิยพงศ์ ธนสมบูรณ์ (7.5 คะแนน)+(13คะแนน)
40 บพก.52303427 นายพยุงศักดิ์ มะเจียกจร (7 คะแนน)+(12คะแนน)
41 บพก.52303428 นายมานิตย์ ปานเหลือง (6.5 คะแนน)+(11คะแนน)
42 บพก.52303429 นายณัฐรินทร์ เจนจิรวัฒนกุล (11.5 คะแนน)+(11คะแนน)
43 บพก.52303430 นายสิงห์ สีเงิน **+(4คะแนน*)
44 บพก.52303431 นายสุภัท ทองไพรวรรณ (9.5 คะแนน)+(10คะแนน)
หมายเหตุ ** หมายถึง ขาดสอบ กลางภาค ไม่มีคะแนนโปรดติดต่ออาจารย์ผู้สอน
วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
ประกาศ คะแนนสอบกลางภาค 3/2552 (หมู่เรียน8)
เลขที่ เลขประจำตัว ชื่อ - นามสกุล - คะแนนสอบกลางภาค (เต็ม 20 คะแนน)+ คะแนนรายงานสืบค้นวิจัยและนำเสนอ (เต็ม 15 คะแนน)
1 บพก.52303338 นางสาวนันท์ศุลี กลีบเมฆ (** คะแนน)+(15 คะแนน)
2 บพก.52303339 นางสาวขนิษฐา แจ่มจันทร์ (** คะแนน)+(4 คะแนน*)
3 บพก.52303340 นางขนิษฐา ภาคเดช (14.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
4 บพก.52303341 นางสาวจันทรา ธรรมผุย (8.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
5 บพก.52303342 นางสาวจิราพรรณ กำจัดภัย (** คะแนน)+(9 คะแนน)
6 บพก.52303343 นางสาวนงลักษณ์ ทองคำ (12 คะแนน)+(15 คะแนน)
7 บพก.52303344 นางสาวนิตา ฐิติเจริญพงศ์ (12 คะแนน)+(10 คะแนน)
8 บพก.52303346 นางสาวนิษา อาจหาญ (** คะแนน)+(..คะแนน*)
9 บพก.52303347 นางสาวนุสรา แก้วพรายงาม (6 คะแนน)+(11 คะแนน)
10 บพก.52303348 นางบุปผา เสกศรี (8 คะแนน)+(14 คะแนน)
11 บพก.52303349 นางสาวปัทมา คำยิ่ง (17.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
12 บพก.52303350 นางสาวปิยภัทร อำนวย (13 คะแนน)+(15 คะแนน)
13 บพก.52303351 นางสาวพัชรี จันทร์ละออ (12 คะแนน)+(15 คะแนน)
14 บพก.52303352 นางสาวพิกุล ภาดี (** คะแนน)+ (..คะแนน*)
15 บพก.52303353 นางยุวดี ศรีราชัย (12.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
16 บพก.52303354 นางสาวรัชณีสร อินทรวัฒนา (9 คะแนน)+(11 คะแนน)
17 บพก.52303355 นางสาววนันท์ธนิตย์ จิตกระจ่าง (14 คะแนน)+(4 คะแนน*)
18 บพก.52303356 นางสาววรัญญา จินดาทอง (8 คะแนน)+(15 คะแนน)
19 บพก.52303357 นางสาววราภรณ์ ทรัพย์มิด (14 คะแนน)+(15 คะแนน)
20 บพก.52303358 นางสาววารี เมี่ยงแก (13 คะแนน)+(15 คะแนน)
21 บพก.52303359 นางสาววีราภรณ์ วงศ์คนดี (15.5 คะแนน)+ (15 คะแนน)
22 บพก.52303360 นางสาวสนธยา เห็นประเสริฐ (** คะแนน)+ (..คะแนน*)
23 บพก.52303361 นางสาวสุธิดา ป้องกัน (11 คะแนน)+ (15 คะแนน)
24 บพก.52303362 นางสาวอภิชญา สังขจันทร์ (18 คะแนน)+(15 คะแนน)
25 บพก.52303363 นายอรรถพล แดงเสม (** คะแนน)+(9 คะแนน)
26 บพก.52303364 นางสาวทิพวรรณ ทองเชื้อ (11 คะแนน)+ (11 คะแนน)
27 บพก.52303365 นางสาวอังศิวรา พงษ์โชติ (8 คะแนน)+(..คะแนน*)
28 บพก.52303366 นางสาวอุษา อินเกตุ (10 คะแนน)+(15 คะแนน)
29 บพก.52303367 นางสิริกานต์ จันทร์ตาคำ (16.5 คะแนน)+ (15 คะแนน)
30 บพก.52303368 นางอรณี รักษากุล (**คะแนน)+ (..คะแนน*)
31 บพก.52303369 นายกำธร กัญญา (16.5คะแนน)+ (15 คะแนน)
32 บพก.52303370 นายจตุรงค์ สระทองเทียน (13 คะแนน)+(15 คะแนน)
33 บพก.52303371 นายจันทรรัตน์ ยี่สุ่นศรี (12.5 คะแนน)+(4 คะแนน)
34 บพก.52303372 นายฐิติพงษ์ ลิ่มปรังษี (** คะแนน)+(..คะแนน*)
35 บพก.52303373 นายธงชัย บุญธรรม (14.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
36 บพก.52303374 นายธนวัฒน์ ภูมิพวัฒนโชติ (15.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
37 บพก.52303375 นายปฏิพัทธ์ พิทยาวัฒน์ (13.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
38 บพก.52303376 นายภูวัช ขำนอง (** คะแนน)+(..คะแนน*)
39 บพก.52303377 นายรัฐกร สมุทรวานิช (**คะแนน)+(..คะแนน*)
40 บพก.52303379 นายวลายุทธ แย้มมาลี (11 คะแนน)+(15 คะแนน)
41 บพก.52303380 นายวิริยะ กิติกุล (16.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
42 บพก.52303381 นายสรณะ บัวซ้อน (10.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
43 บพก.52303383 นายอาทิตย์ ธรรมอยู่ (13 คะแนน)+(15 คะแนน)
44 บพก.52303384 นายอุดมศักดิ์ สวัสดิ์ธรรม (12 คะแนน)+(15 คะแนน)
หมายเหตุ ** หมายถึง ขาดสอบ กลางภาค ไม่มีคะแนนโปรดติดต่ออาจารย์ผู้สอน
* หมายถึง รูปเล่มรายงานไม่ครบ ไม่ส่งงงานนำเสนอ หรือขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง
1 บพก.52303338 นางสาวนันท์ศุลี กลีบเมฆ (** คะแนน)+(15 คะแนน)
2 บพก.52303339 นางสาวขนิษฐา แจ่มจันทร์ (** คะแนน)+(4 คะแนน*)
3 บพก.52303340 นางขนิษฐา ภาคเดช (14.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
4 บพก.52303341 นางสาวจันทรา ธรรมผุย (8.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
5 บพก.52303342 นางสาวจิราพรรณ กำจัดภัย (** คะแนน)+(9 คะแนน)
6 บพก.52303343 นางสาวนงลักษณ์ ทองคำ (12 คะแนน)+(15 คะแนน)
7 บพก.52303344 นางสาวนิตา ฐิติเจริญพงศ์ (12 คะแนน)+(10 คะแนน)
8 บพก.52303346 นางสาวนิษา อาจหาญ (** คะแนน)+(..คะแนน*)
9 บพก.52303347 นางสาวนุสรา แก้วพรายงาม (6 คะแนน)+(11 คะแนน)
10 บพก.52303348 นางบุปผา เสกศรี (8 คะแนน)+(14 คะแนน)
11 บพก.52303349 นางสาวปัทมา คำยิ่ง (17.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
12 บพก.52303350 นางสาวปิยภัทร อำนวย (13 คะแนน)+(15 คะแนน)
13 บพก.52303351 นางสาวพัชรี จันทร์ละออ (12 คะแนน)+(15 คะแนน)
14 บพก.52303352 นางสาวพิกุล ภาดี (** คะแนน)+ (..คะแนน*)
15 บพก.52303353 นางยุวดี ศรีราชัย (12.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
16 บพก.52303354 นางสาวรัชณีสร อินทรวัฒนา (9 คะแนน)+(11 คะแนน)
17 บพก.52303355 นางสาววนันท์ธนิตย์ จิตกระจ่าง (14 คะแนน)+(4 คะแนน*)
18 บพก.52303356 นางสาววรัญญา จินดาทอง (8 คะแนน)+(15 คะแนน)
19 บพก.52303357 นางสาววราภรณ์ ทรัพย์มิด (14 คะแนน)+(15 คะแนน)
20 บพก.52303358 นางสาววารี เมี่ยงแก (13 คะแนน)+(15 คะแนน)
21 บพก.52303359 นางสาววีราภรณ์ วงศ์คนดี (15.5 คะแนน)+ (15 คะแนน)
22 บพก.52303360 นางสาวสนธยา เห็นประเสริฐ (** คะแนน)+ (..คะแนน*)
23 บพก.52303361 นางสาวสุธิดา ป้องกัน (11 คะแนน)+ (15 คะแนน)
24 บพก.52303362 นางสาวอภิชญา สังขจันทร์ (18 คะแนน)+(15 คะแนน)
25 บพก.52303363 นายอรรถพล แดงเสม (** คะแนน)+(9 คะแนน)
26 บพก.52303364 นางสาวทิพวรรณ ทองเชื้อ (11 คะแนน)+ (11 คะแนน)
27 บพก.52303365 นางสาวอังศิวรา พงษ์โชติ (8 คะแนน)+(..คะแนน*)
28 บพก.52303366 นางสาวอุษา อินเกตุ (10 คะแนน)+(15 คะแนน)
29 บพก.52303367 นางสิริกานต์ จันทร์ตาคำ (16.5 คะแนน)+ (15 คะแนน)
30 บพก.52303368 นางอรณี รักษากุล (**คะแนน)+ (..คะแนน*)
31 บพก.52303369 นายกำธร กัญญา (16.5คะแนน)+ (15 คะแนน)
32 บพก.52303370 นายจตุรงค์ สระทองเทียน (13 คะแนน)+(15 คะแนน)
33 บพก.52303371 นายจันทรรัตน์ ยี่สุ่นศรี (12.5 คะแนน)+(4 คะแนน)
34 บพก.52303372 นายฐิติพงษ์ ลิ่มปรังษี (** คะแนน)+(..คะแนน*)
35 บพก.52303373 นายธงชัย บุญธรรม (14.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
36 บพก.52303374 นายธนวัฒน์ ภูมิพวัฒนโชติ (15.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
37 บพก.52303375 นายปฏิพัทธ์ พิทยาวัฒน์ (13.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
38 บพก.52303376 นายภูวัช ขำนอง (** คะแนน)+(..คะแนน*)
39 บพก.52303377 นายรัฐกร สมุทรวานิช (**คะแนน)+(..คะแนน*)
40 บพก.52303379 นายวลายุทธ แย้มมาลี (11 คะแนน)+(15 คะแนน)
41 บพก.52303380 นายวิริยะ กิติกุล (16.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
42 บพก.52303381 นายสรณะ บัวซ้อน (10.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
43 บพก.52303383 นายอาทิตย์ ธรรมอยู่ (13 คะแนน)+(15 คะแนน)
44 บพก.52303384 นายอุดมศักดิ์ สวัสดิ์ธรรม (12 คะแนน)+(15 คะแนน)
หมายเหตุ ** หมายถึง ขาดสอบ กลางภาค ไม่มีคะแนนโปรดติดต่ออาจารย์ผู้สอน
* หมายถึง รูปเล่มรายงานไม่ครบ ไม่ส่งงงานนำเสนอ หรือขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง
ประกาศ คะแนนสอบกลางภาค 3/2552 (หมู่เรียน7)
เลขที่ เลขประจำตัว ชื่อ - นามสกุล คะแนนสอบกลางภาค (เต็ม 20 คะแนน)รายงานสืบค้นวิจัยและนำเสนอ(คะแนนเต็ม 15 คะแนน)
1 บพก.52303289 นางสาวกนิษฐา บุญฤทธิ์ (14.5 คะแนน)+(13คะแนน)
2 บพก.52303290 นางใกล้รุ่ง ทองดี (12 คะแนน)+(12คะแนน)
3 บพก.52303291 นางสาวจุรีรัตน์ จันทร์ประกอบ (17 คะแนน)+(11คะแนน)
4 บพก.52303292 นางสาวเจตนิพิฐ โพธิ์ทอง (8.5 คะแนน)+(12คะแนน)
5 บพก.52303293 นางสาวณัฐญา เพ็งมี (15.5 คะแนน)+(12คะแนน)
6 บพก.52303294 นางสาวดวงแข ชั่งเจริญ (*** คะแนน)
7 บพก.52303295 นางสาวดวงพร นิลน้ำเพ็ชร (8.5 คะแนน)+(13คะแนน)
8 บพก.52303296 นางสาวดวงพร แก้วอินชัย (12 คะแนน)+(11คะแนน)
9 บพก.52303298 นางสาวปารีณา ยังดี (15 คะแนน)+(13คะแนน)
10 บพก.52303299 นางสาวนิชาภา อ่อนละออ (13 คะแนน)+(12คะแนน)
11 บพก.52303300 นางสาวเบญจมาศ อ่อนศรี (14 คะแนน)+(12คะแนน)
12 บพก.52303301 นางสาวปทุมวดี พันธ์หนอย (12.5 คะแนน)+(12คะแนน)
13 บพก.52303303 นางสาวพนิสา สระทองแห่ว (11 คะแนน)+(12คะแนน)
14 บพก.52303304 นางสาวไพริน ยี่สง (13.5 คะแนน)+(11คะแนน)
15 บพก.52303305 นางสาวมาลีรัตน์ พึ่งแพง (15.5 คะแนน)+(11คะแนน)
16 บพก.52303306 นางสาวยุวลี นามโนนเขวา (12.5 คะแนน)+(12คะแนน)
17 บพก.52303307 นางสาวเรณู โตแก้ว (12.5 คะแนน)+(12คะแนน)
18 บพก.52303308 นางราตรี ศรีสุข (11.5 คะแนน)+(12คะแนน)
19 บพก.52303309 นางสาววราคณา นิลน้ำเพชร (13.5 คะแนน)+(12คะแนน)
20 บพก.52303311 นางสาวสิทธิสาคร บ้านกลางดิลก (16 คะแนน)+(12คะแนน)
21 บพก.52303313 นางสาวสุนันท์ เหมือนทัด (9.5 คะแนน)+(11คะแนน)
22 บพก.52303314 นางสาวสุพัตรา หลักหาญ (12 คะแนน)+(11คะแนน)
23 บพก.52303315 นางสาวสุภาภรณ์ หวังเลิศพาณิชย์ (13.5 คะแนน)+(11คะแนน)
24 บพก.52303316 นางสาวสุภารัตน์ แซ่สัว (11 คะแนน)+(11คะแนน)
25 บพก.52303318 นางสุภาพร ทองนุ่ม (16.5 คะแนน)+(13คะแนน)
26 บพก.52303319 นางสาวสุภัคดี มิ่งเมือง (14 คะแนน)+(11คะแนน)
27 บพก.52303320 นางสาวหทัยรัตน์ มณฑาทัศน์ (11.5 คะแนน)+(12คะแนน)
28 บพก.52303321 นางสาวอมรรัตน์ ลัดดากุล (17.5 คะแนน)+(13คะแนน)
29 บพก.52303322 นางสาวอำไพพรรณ ยินดี (17 คะแนน)+(12คะแนน)
30 บพก.52303323 นายกิตติพันธ์ เขียวแก้ว (** คะแนน)+(11คะแนน)
31 บพก.52303324 นายเกศชฎา เจริญเกตุ (13.5 คะแนน)+(9คะแนน*)
32 บพก.52303325 นายจิรชัย บัวแพง (10.5 คะแนน)+(11คะแนน)
33 บพก.52303326 นายเจริญศักดิ์ บุญญาลัย (12 คะแนน)+(12คะแนน)
34 บพก.52303327 นายชารีแวน นกจันทร์ (11.5 คะแนน)+(12คะแนน)
35 บพก.52303328 นายชูศักดิ์ จดจำ (** คะแนน)+(12คะแนน)
36 บพก.52303329 นายปัณณวิช นีละเสถียร (11 คะแนน)+(11คะแนน)
37 บพก.52303331 นายภูวนาถ สวัสดิ์สุข (9.5 คะแนน)+(13คะแนน)
38 บพก.52303332 นายมงคล แสงสิน (14 คะแนน)+(12คะแนน)
39 บพก.52303333 นายรังสิวุฒิ โอชารส (** คะแนน)+(4คะแนน*)
40 บพก.52303334 นายวิมล แก้วใหญ่ (7 คะแนน)+(12คะแนน)
41 บพก.52303335 นายวิสุทธิ์ เจียมธโนปจัย (8.5 คะแนน)+(5คะแนน*)
42 บพก.52303336 นายสราวุธ หิรัญลำไย (** คะแนน)+(5.5คะแนน*)
43 บพก.52303203 นางสาวณัฐนิชา จำปาแย้ม (13.5 คะแนน)+(11คะแนน)
44 บพก.52303435 นางสาวแสงเดือน สังข์ทอง (** คะแนน)
45 บพก.52303282 ว่าที่ร้อยตรีพนม แสงโสต (13 คะแนน)
+(12คะแนน)1 บพก.52303289 นางสาวกนิษฐา บุญฤทธิ์ (14.5 คะแนน)+(13คะแนน)
2 บพก.52303290 นางใกล้รุ่ง ทองดี (12 คะแนน)+(12คะแนน)
3 บพก.52303291 นางสาวจุรีรัตน์ จันทร์ประกอบ (17 คะแนน)+(11คะแนน)
4 บพก.52303292 นางสาวเจตนิพิฐ โพธิ์ทอง (8.5 คะแนน)+(12คะแนน)
5 บพก.52303293 นางสาวณัฐญา เพ็งมี (15.5 คะแนน)+(12คะแนน)
6 บพก.52303294 นางสาวดวงแข ชั่งเจริญ (*** คะแนน)
7 บพก.52303295 นางสาวดวงพร นิลน้ำเพ็ชร (8.5 คะแนน)+(13คะแนน)
8 บพก.52303296 นางสาวดวงพร แก้วอินชัย (12 คะแนน)+(11คะแนน)
9 บพก.52303298 นางสาวปารีณา ยังดี (15 คะแนน)+(13คะแนน)
10 บพก.52303299 นางสาวนิชาภา อ่อนละออ (13 คะแนน)+(12คะแนน)
11 บพก.52303300 นางสาวเบญจมาศ อ่อนศรี (14 คะแนน)+(12คะแนน)
12 บพก.52303301 นางสาวปทุมวดี พันธ์หนอย (12.5 คะแนน)+(12คะแนน)
13 บพก.52303303 นางสาวพนิสา สระทองแห่ว (11 คะแนน)+(12คะแนน)
14 บพก.52303304 นางสาวไพริน ยี่สง (13.5 คะแนน)+(11คะแนน)
15 บพก.52303305 นางสาวมาลีรัตน์ พึ่งแพง (15.5 คะแนน)+(11คะแนน)
16 บพก.52303306 นางสาวยุวลี นามโนนเขวา (12.5 คะแนน)+(12คะแนน)
17 บพก.52303307 นางสาวเรณู โตแก้ว (12.5 คะแนน)+(12คะแนน)
18 บพก.52303308 นางราตรี ศรีสุข (11.5 คะแนน)+(12คะแนน)
19 บพก.52303309 นางสาววราคณา นิลน้ำเพชร (13.5 คะแนน)+(12คะแนน)
20 บพก.52303311 นางสาวสิทธิสาคร บ้านกลางดิลก (16 คะแนน)+(12คะแนน)
21 บพก.52303313 นางสาวสุนันท์ เหมือนทัด (9.5 คะแนน)+(11คะแนน)
22 บพก.52303314 นางสาวสุพัตรา หลักหาญ (12 คะแนน)+(11คะแนน)
23 บพก.52303315 นางสาวสุภาภรณ์ หวังเลิศพาณิชย์ (13.5 คะแนน)+(11คะแนน)
24 บพก.52303316 นางสาวสุภารัตน์ แซ่สัว (11 คะแนน)+(11คะแนน)
25 บพก.52303318 นางสุภาพร ทองนุ่ม (16.5 คะแนน)+(13คะแนน)
26 บพก.52303319 นางสาวสุภัคดี มิ่งเมือง (14 คะแนน)+(11คะแนน)
27 บพก.52303320 นางสาวหทัยรัตน์ มณฑาทัศน์ (11.5 คะแนน)+(12คะแนน)
28 บพก.52303321 นางสาวอมรรัตน์ ลัดดากุล (17.5 คะแนน)+(13คะแนน)
29 บพก.52303322 นางสาวอำไพพรรณ ยินดี (17 คะแนน)+(12คะแนน)
30 บพก.52303323 นายกิตติพันธ์ เขียวแก้ว (** คะแนน)+(11คะแนน)
31 บพก.52303324 นายเกศชฎา เจริญเกตุ (13.5 คะแนน)+(9คะแนน*)
32 บพก.52303325 นายจิรชัย บัวแพง (10.5 คะแนน)+(11คะแนน)
33 บพก.52303326 นายเจริญศักดิ์ บุญญาลัย (12 คะแนน)+(12คะแนน)
34 บพก.52303327 นายชารีแวน นกจันทร์ (11.5 คะแนน)+(12คะแนน)
35 บพก.52303328 นายชูศักดิ์ จดจำ (** คะแนน)+(12คะแนน)
36 บพก.52303329 นายปัณณวิช นีละเสถียร (11 คะแนน)+(11คะแนน)
37 บพก.52303331 นายภูวนาถ สวัสดิ์สุข (9.5 คะแนน)+(13คะแนน)
38 บพก.52303332 นายมงคล แสงสิน (14 คะแนน)+(12คะแนน)
39 บพก.52303333 นายรังสิวุฒิ โอชารส (** คะแนน)+(4คะแนน*)
40 บพก.52303334 นายวิมล แก้วใหญ่ (7 คะแนน)+(12คะแนน)
41 บพก.52303335 นายวิสุทธิ์ เจียมธโนปจัย (8.5 คะแนน)+(5คะแนน*)
42 บพก.52303336 นายสราวุธ หิรัญลำไย (** คะแนน)+(5.5คะแนน*)
43 บพก.52303203 นางสาวณัฐนิชา จำปาแย้ม (13.5 คะแนน)+(11คะแนน)
44 บพก.52303435 นางสาวแสงเดือน สังข์ทอง (** คะแนน)
45 บพก.52303282 ว่าที่ร้อยตรีพนม แสงโสต (13 คะแนน)
หมายเหตุ ** หมายถึง ขาดสอบ กลางภาค ไม่มีคะแนนโปรดติดต่ออาจารย์ผู้สอน
ลักษณะปัญหาพฤติกรรมและอารมณ์นักเรียน
วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
งานกรณีศึกษา บทที่ 5 สำหรับหมู่เรียน7และ9
1.นักศึกษา สืบค้น และถ่ายเอกสารข่าวที่เกี่ยวเนื่องกับปัญหาสุขภาพจิต จากสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออื่นๆ
2. วิเคราะห์สาเหตุของ ปัญหาสุขภาพจิต ของบุคคลในข่าว สรุปและพิมพ์ส่ง 22 พ.ค. 53
2. วิเคราะห์สาเหตุของ ปัญหาสุขภาพจิต ของบุคคลในข่าว สรุปและพิมพ์ส่ง 22 พ.ค. 53
วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
กลุ่ม 7 กลุ่ม 9 เปลี่ยน วัน-เวลา สอบกลางภาค
กลุ่ม 7 เสาร์ที่ 15 พ.ค. 53 เวลา 09.00 น. - 10.30 น. เสร็จแล้วเรียนบทที่ 5 ต่อ
กลุ่ม 9 เสาร์ที่ 15 พ.ค. 53 เวลา 13.30 น. - 14.00 น. เสร็จแล้วเรียนบทที่ 5 ต่อ
กลุ่ม 9 เสาร์ที่ 15 พ.ค. 53 เวลา 13.30 น. - 14.00 น. เสร็จแล้วเรียนบทที่ 5 ต่อ
วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
สอบกลางภาค
หมู่เรียน 8 สอบในคาบวันที่ 8 พ.ค. 53 เวลา 13.30-15.40 น. เลือกตอบ ห้าตัวเลือก 20 ข้อ ข้อเขียน 1 ข้อ คะแนนรวม 20 คะแนน
หมู่เรียน 9 สอบในคาบวันที่ 9 พ.ค. 53 เวลา 13.30 น. - 15.40 น.
เพิ่มเติมบทที่ 4 ทฤษฎีการเรียนรู้และการประยุกต์ใช้
ที่มาของการสืบค้น http://www.wijai48.com/learning_stye/learningprocess.htm
แนวความคิดในเรื่องของการเรียนรู้ของมนุษย์ ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักปรัชญาและนักจิตวิทยามาแต่ในอดีต ซึ่งต่างก็ได้แสดงทัศนะกันไว้อย่างหลากหลาย แนวคิดเหล่านั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการไปในแต่ละยุคแต่ละสมัย รวมทั้งได้ขยายขอบเขตไปสู่เรื่องของการจัดการศึกษาและการสอน การศึกษาแนวคิดในอดีต นอกจากจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่จะช่วยให้เกิดความเข้าใจในเรื่องของการจัดการศึกษาและเกิดแนวความคิดใหม่ๆ แล้วยังเป็นการทบทวนภูมิปัญญาของนักคิดในอดีตซึ่งอาจจะตกหล่นสูญหายหรือเสื่อมความนิยมไปด้วยกาลและสมัยแต่อาจยังทรงคุณค่ามหาศาลต่อการเรียนรู้ของมนุษย์
ทฤษฎีการเรียนรู้เป็นแนวความคิดที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถใช้อธิบายลักษณะของการเกิดการเรียนรู้ หรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ ส่วนหลักการสอนก็คือ แนวคิดที่เป็นหลักของการปฏิบัติทางการสอนที่สอดคล้องกับทฤษฎีการเรียนรู้ต่างๆ
ทฤษฎีการเรียนรู้สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังต่อไปนี้
1. ทฤษฎีเกี่ยวกับการเรียนรู้ช่วงก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 20
1.1 ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการฝึกจิตหรือสมอง(Mental Discipline) นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า จิตหรือสมองหรือสติปัญญา(mind) สามารถพัฒนาให้ปราดเปรื่องได้โดยการฝึก ในการฝึกจิตหรือสมองนี้ทำได้โดยให้บุคคลเรียนรู้สิ่งที่ยากๆ ยิ่งยากมากเท่าไร จิตก็จะได้รับการฝึกให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น หลักการในการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยการกระตุ้นความรู้ในตัวผู้เรียนให้แสดงออกมา วิธีการสอนแบบโสเครติส(Socratic Method) และวิธีการสอนแบบบรรยาย(Didactic Method) เป็นวิธีการสอนตามทฤษฏีนี้ที่ใช้คำถามเพื่อดึงความรู้ในตัวผู้เรียนออกมาให้กระจ่างชัดและช่วยเพิ่มเติมประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียน ซึ่งเป็นวิธีการสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี
1.2 ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการพัฒนาไปตามธรรมชาติ(Natural Unfoldment) นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า ธรรมชาติคือแหล่งเรียนรู้สำคัญ เด็กควรจะได้เรียนรู้ไปตามธรรมชาติ การใช้ของจริงเป็นสื่อในการสอนจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดี การเล่นเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญของเด็ก เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ เด็กมีสภาวะของเด็ก ซึ่งแตกต่างไปจากวัยอื่น การจัดการศึกษาให้เด็กจึงควรพิจารณาระดับอายุเป็นหลัก การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้แก่เด็กจะต้องมีความแตกต่างไปจากการจัดให้ผู้ใหญ่ และยึดเด็กเป็นศูนย์กลางให้เสรีภาพแก่เด็กได้เรียนรู้ตามความต้องการและความสนใจของตน ให้เด็กได้เรียนรู้ตามธรรมชาติและเป็นไปตามธรรมชาติ โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและความพร้อมของเด็ก
1.3 ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการรับรู้และการเชื่อมโยงความคิด(Apperception) นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า การเรียนรู้เกิดจากแรงกระตุ้นภายนอกหรือสิ่งแวดล้อม(neutral - passive) การเรียนรู้เกิดจากการที่บุคคลได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 (sensation) และความรู้สึก(feeling) คือ การตีความหรือแปลความหมายจากการสัมผัส การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จึงเน้นให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจได้เป็นอย่างดี
2. ทฤษฎีเกี่ยวกับการเรียนรู้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20
2.1 ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม(Behaviorism) นักคิดในกลุ่มนี้มองธรรมชาติของมนุษย์ในลักษณะที่เป็นกลาง คือ ไม่ดี – ไม่เลว การกระทำต่างของมนุษย์เกิดจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมภายนอก พฤติกรรมของมนุษย์เกิดจากการตอบสนองต่อสิ่งเร้า(stimulus response) การเรียนรู้เกิดจากการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง กลุ่มพฤติกรรมนิยมให้ความสนใจกับ ”พฤติกรรม” มากเพราะพฤติกรรมเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด สามารถวัดและทดสอบได้ ทฤษฏีการเรียนรู้ในกลุ่มนี้ ประกอบด้วยแนวคิดสำคัญๆ 3 แนวด้วยกัน คือ
- ทฤษฎีการเชื่อมโยง(Classical Connectionism) ของธอร์นไดค์
(Thorndike) มีความเชื่อว่าการเรียนรู้เกิดจาการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนอง ซึ่งมีหลายรูปแบบ บุคคลจะมีการลองผิดลองถูกปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบรูปแบบการตอบสนองที่สามารถให้ผลที่พึงพอใจมากที่สุด เมื่อเกิดการเรียนรู้แล้ว บุคคลจะใช้รูปแบบการตอบสนองที่เหมาะสมเพียงรูปแบบเดียว และจะพยายามใช้รูปแบบนั้นเชื่อมโยงกับสิ่งเร้าในการเรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จึงเน้นที่การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนแบบลองผิดลองถูกบ้าง มีการสำรวจความพร้อมของผู้เรียนซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องกระทำก่อนการสอนบทเรียน เมื่อผู้เรียนเกิดการเรียนรู้แล้วครูควรฝึกให้ผู้เรียนฝึกการนำการเรียนรู้นั้นไปใช้บ่อยๆ การศึกษาว่าสิ่งใดเป็นสิ่งเร้าหรือรางวัลที่ผู้เรียนพึงพอใจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
- ทฤษฎีการวางเงื่อนไข(Conditioning Theory) ประกอบด้วยทฤษฏีย่อย 4 ทฤษฏี ดังนี้ 1) ทฤษฏีการวางเงื่อนไขแบบอัตโนมัติของพาฟลอฟ (Pavlov’s Classical Conditioning) เน้นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไข สรุปแนวคิดตามทฤษฏีนี้ได้ว่า การเรียนรู้ของสิ่งมีชีวิตเกิดจากการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไข 2) ทฤษฏีการวางเงื่อนไขแบบอัตโนมัติของวัตสัน (Watson’s Classical Conditioning) เน้นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไขเช่นกัน สรุปแนวคิดตามทฤษฏีนี้ได้ว่า การเรียนรู้จะคงทนถาวรหากมีการให้สิ่งเร้าที่สัมพันธ์กันนั้นควบคู่กันไปอย่างสม่ำเสมอ 3) ทฤษฏีการวางเงื่อนไขแบบต่อเนื่องของกัทธรี(Guthrie’s Contiguous Conditioning) เน้นหลักการจูงใจ สรุปแนวคิดตามทฤษฏีนี้ได้ว่า การเรียนรู้เมื่อเกิดขึ้นแล้วแม้เพียงครั้งเดียว ก็นับว่าได้เรียนรู้แล้วไม่จำเป็นต้องทำซ้ำอีก 4) ทฤษฏีการวางเงื่อนไขแบบโอเปอร์แรนต์ของสกินเนอร์(Skinner’s Operant Conditioning) เน้นการเสริมแรงหรือให้รางวัล สรุปแนวคิดตามทฤษฏีนี้ได้ว่า การกระทำใดๆ ถ้าได้รับการเสริมแรงจะมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอีก การเสริมแรงที่แปรเปลี่ยนทำให้การตอบสนองคงทนกว่าการเสริมแรงที่ตายตัว การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จึงเน้นที่การเสนอสิ่งเร้าในการเรียนการสอน การจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง มีการแสริมแรงหรือให้รางวัลเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความพึงพอใจที่จะเรียนรู้
- ทฤษฏีการเรียนรู้ของฮัลล์(Hull’s Systematic Behavior Theory) มีความเชื่อว่าถ้าร่างกายเมื่อยล้า การเรียนรู้จะลดลง การตอบสนองต่อการเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดีที่สุดเมื่อได้รับแรงเสริมในเวลาใกล้บรรลุเป้าหมาย หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จึงมักคำนึงถึงความพร้อม ความสามารถและเวลาที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีที่สุด การจัดการเรียนการสอนควรให้ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อตอบสนองระดับความสามารถของผู้เรียน
2.2 ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม(Cognitivism) เน้นกระบวนการทางปัญญาหรือความคิด ซึ่งเป็นกระบวนการภายในของสมอง นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่าการเรียนรู้ของมนุษย์ไม่ใช่เรื่องของพฤติกรรมที่เกิดจากกระบวนการตอบสนองต่อสิ่งเร้าเพียงเท่านั้น การเรียนรู้ของมนุษย์มีความซับซ้อนยิ่งไปกว่านั้น การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิดที่เกิดจากการสะสมข้อมูล การสร้างความหมายและความสัมพันธ์ของข้อมูลและการดึงข้อมูลออกมาใช้ในการกระทำและการแก้ปัญหาต่างๆ การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสติปัญญาของมนุษย์ในการที่จะสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ตนเอง ทฤษฏีในกลุ่มนี้ที่สำคัญๆ มี 5 ทฤษฏี คือ
- ทฤษฎีเกสตัลท์(Gestalt Theory) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิดซึ่งเป็นกระบวนการภายในตัวมนุษย์ บุคคลจะเรียนรู้จากสิ่งเร้าที่เป็นส่วนรวมได้ดีกว่าส่วนย่อย หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จะเน้นกระบวนการคิด การสอนโดยเสนอภาพรวมก่อนการเสนอส่วนย่อย ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีประสบการณ์มากและหลากหลายซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนสามรถคิดแก้ปัญหา คิดริเริ่มและเกิดการเรียนรู้แบบหยั่งเห็นได้
- ทฤษฎีสนาม(Field Theory) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เกิดขึ้นเมื่อบุคคลมีแรงจูงใจหรือแรงขับที่จะกระทำให้ไปสู่จุดหมายปลายทางที่ตนต้องการ หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการเข้าไปอยู่ใน “โลก” ของผู้เรียน การสร้างแรงจูงใจหรือแรงขับโดยการจัดสิ่งแวดล้อมทั้งทางกายภาพและจิตวิทยาให้ดึงดูดความสนใจและสนองความต้องการของผู้เรียนเป็นสิ่งจำเป็นในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
- ทฤษฎีเครื่องหมาย(Sign Theory) ของทอลแมน(Tolman) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เกิดจากการใช้เครื่องหมายเป็นตัวชี้ทางให้แสดงพฤติกรรมไปสู่จุดหมายปลายทาง หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการสร้างแรงขับและหรือแรงจูงใจให้ผู้เรียนบรรลุจุดมุ่งหมายใดๆ โดยใช้เครื่องหมาย สัญลักษณ์หรือสิ่งอื่นๆ ที่เป็นเครื่องชี้ทางควบคู่ไปด้วย
- ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา(Intellectual Development Theory) นักคิดคนสำคัญของทฤษฏีนี้มีอยู่ 2 ท่าน ได้แก่ เพียเจต์(Piaget) และบรุนเนอร์(Bruner) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้เน้นเรื่องพัฒนาการทางสติปัญญญาของบุคคลที่เป็นไปตามวัยและเชื่อว่ามนุษย์เลือกที่จะรับรู้สิ่งที่ตนเองสนใจและการเรียนรู้เกิดจากระบวนการการค้นพบด้วยตนเอง หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ คำนึงถึงพัฒนาการทางสติปัญญาของผู้เรียนและจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนอย่างเหมาะสมกับพัฒนาการนั้น ให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์และมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมมากๆ ควรเด็กได้ค้นพบการเรียนรู้ด้วยตนเอง ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้คิดอย่างอิสระและสอนการคิดแบบรวบยอดเพื่อช่วยส่งงเสริมความคิดสร้างสรรค์ของผุ้เรียน
- ทฤษฏีการเรียนรู้อย่างมีความหมาย(A Theory of Meaningful Verbal Learning) ของออซูเบล(Ausubel) เชื่อว่า การเรียนรู้จะมีความหมายแก่ผู้เรียน หากการเรียนรู้นั้นสามารถเชื่อมโยงกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่รู้มาก่อน หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ มีการนำเสนอความคิดรวบยอดหรือกรอบมโนทัศน์ หรือกรอบแนวคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแก่ผู้เรียนก่อนการสอนเนื้อหาสาระนั้นๆ จะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนเนื้อหาสาระนั้นอย่างมีความหมาย
2.3 ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม(Humanism) นักคิดกลุ่มมานุษยนิยมให้ความสำคัญของความเป็นมนุษย์และมองมนุษย์ว่ามีคุณค่า มีความดีงาม มีความสามารถ มีความต้องการ และมีแรงจูงใจภายในที่จะพัฒนาศักยภาพของตน หากบุคคลมีอิสระภาพและเสรีภาพ มนุษย์จะพยายามพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทฤษฏีและแนวคิดที่สำคัญๆ ในกลุ่มนี้มี 2 ทฤษฏีและ 5 แนวคิด คือ
- ทฤษฎีการเรียนรู้ของมาสโลว์ แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ มนุษย์ทุกคนมีความต้องการพื้นฐานตามธรรมชาติเป็นลำดับขั้น และต้องการที่จะรู้จักตนเองและพัฒนาตนเอง หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการเข้าถึงความต้องการพื้นฐานของผู้เรียน และตอบสนองความต้องการพื้นฐานนั้นอย่างพอเพียง ให้อิสรภาพและเสรีภาพแก่ผู้เรียนในการเรียนรู้ มีการจัดบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ซึ่งช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดประสบการณ์ในการรู้จักตนเองตามสภาพความเป็นจริง
- ทฤษฎีการเรียนรู้ของรอเจอร์ แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ มนุษย์สามารถพัฒนาตนเองได้ดีหากอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายและเป็นอิสระ การจัดบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเอื้อต่อการเรียนเรียนรู้และเน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยครูเป็นผู้ชี้แนะและทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนและการเรียนรู้จะเน้นกระบวนการเป็นสำคัญ หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการเรียนรู้กระบวนการเป็นสำคัญ ควรจัดสภาพแวดล้อมทางการเรียนให้อบอุ่น ปลอดภัย ครูควรสอนแบบชี้แนะโดยให้ผู้เรียนเป็นผู้นำทางในการเรียนรู้ของตนและคอยช่วยเหลือผู้เรียนให้เรียนอย่างสะดวกจนบรรลุผล
- แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของโคมส์ เชื่อว่าความรู้สึกของผู้เรียนมีความสำคัญต่อการเรียนรู้มาก เพราะความรู้สึกและเจตคติของผู้เรียนมีอิทธิพลต่อกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน หลักการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้จึงเน้นถึงความรู้สึกของผู้เรียนเป็นหลัก การสร้างเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี
- แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของโนลส์ เชื่อว่าผู้เรียนจะเรียนรู้ได้มากหากมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ มีอิสระที่จะเรียนและได้รับการส่งเสริมในการพัฒนาด้วยตนเอง หลักการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้เน้นการให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียน เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เลือกสิ่งที่เรียนและวิธีเรียนด้วยตนเอง ลงมือกระทำและยอมรับผลของการตัดสินใจหรือการกระทำของตนเอง
- แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของแฟร์ เชื่อว่าผู้เรียนต้องถูกปลดปล่อยจากการกดขี่ของครูที่สอนแบบเก่า ผู้เรียนมีศักยภาพและมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่จะกระทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง หลักการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้เน้นการให้อิสรภาพและเสรีภาพในการเรียนรู้แก่ผู้เรียน
- แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของอิลลิช เชื่อว่าสังคมแห่งการเรียนรู้เป็นสังคมที่ต้องล้มเลิกระบบโรงเรียน การศึกษาควรเป็นการศึกษาตลอดชีวิตแบบเป็นไปตามธรรมชาติ โดยให้โอกาสในการศึกษาเล่าเรียนแก่บุคคลอย่างเต็มที่ หลักการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้เน้นการจัดการศึกษาต่อเนื่องไปตลอดชีวิตไปตามธรรมชาติ
- แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของนีล เชื่อว่ามนุษย์เป็นผู้มีศักดิ์ศรี มีความดีโดยธรรมชาติ หากมนุษย์อยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น บริบูรณ์ด้วยความรัก มีอิสรภาพและเสรีภาพ มนุษย์จะพัฒนาไปในทางที่ดีทั้งต่อตนเองและสังคม หลักการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้ คือ การให้เสรีภาพอย่างสมบูรณ์แก่ผู้เรียนในการเรียน จัดให้เรียนเมื่อพร้อมจะเรียนจะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาไปตามธรรมชาติ
2.4 ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มผสมผสานของกานเย (Gagne’s eclecticism) แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ ความรู้มีหลายประเภท บางประเภทสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องใช้ความคิดที่ลึกซึ้ง บางประเภทมีความซับซ้อนมาก จำเป็นต้องใช้ความสามารถในขั้นสูง หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ การจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบซึ่งเริ่มจากง่ายไปหายากมีทั้งหมด 9 ขั้น ดังนี้
ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ(Gaining attention)
ขั้นที่ 2 แจ้งจุดประสงค์(Informing the learning)
ขั้นที่ 3 กระตุ้นให้ผู้เรียนระลึกถึงความรู้เดิมที่จำเป็น(Stimulating recall of prerequisite learned capabilities)
ขั้นที่ 4 เสนอบทเรียนใหม่(Presenting the stimulus)
ขั้นที่ 5 ให้แนวทางการเรียนรู้(Providing learning guidance)
ขั้นที่ 6 ให้ลงมือปฏิบัติ(Eliciting the performance)
ขั้นที่ 7 ให้ข้อมูลป้อนกลับ(Feedback)
ขั้นที่ 8 ประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ตามจุดประสงค์(Assessing the performance)
ขั้นที่ 9 ส่งเสริมความแม่นยำและการถ่ายโอนการเรียนรู้(Enhancing retention and transfer)
3. ทฤษฎีการเรียนรู้และการสอนร่วมสมัย
3.1 ทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล(Information Processing Theory) เป็นทฤษฏีที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์ โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมอง ทฤษฏีนี้มีแนวคิดว่า การทำงานของสมองมนุษย์มีความคล้ายคลึงกับการทำงานของคอมพิวเตอร์ หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ การนำเสนอสิ่งเร้าที่ผู้เรียนรู้จักหรือมีข้อมูลอยู่จะสามารถช่วยให้ผู้เรียนหันมาใส่ใจและรับรู้สิ่งนั้น จัดสิ่งเร้าในการเรียนรู้ให้ตรงกับความสนใจของผู้เรียน สอนให้ฝึกการจำโดยใช้วิธีการที่หลากหลาย หากต้องการให้ผู้เรียนจดจำเนื้อหาสาระใดๆ ได้เป็นเวลานาน สาระนั้นจะต้องได้รับการเข้ารหัส(encoding) เพื่อนำไปเข้าหน่วยความจำระยะยาว วิธีการเข้ารหัสสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การท่องจำซ้ำๆ การทบทวน หรือการใช้กระบวนการขยายความคิด
3.2 ทฤษฎีพหุปัญญา(Theory of Multiple Intelligences) ทฤษฏีนี้มีความเชื่อพื้นฐานที่สำคัญ 2 ประการ คือ
1. เชาวน์ปัญญาของบุคคลมิได้มีเพียงความสามารถทางภาษาและทางคณิตศาสตร์เท่านั้น แต่มีอยู่อย่างหลากหลายถึง 8 ประเภทด้วยกัน ประกอบด้วย
- เชาวน์ปัญญาด้านภาษา(Linguistic intelligence)
- เชาวน์ปัญญาด้านคณิตศาสตร์หรือการใช้เหตุผลเชิงตรรกะ(Logical mathematical intelligence)
- สติปัญญาด้านมิติสัมพันธ์(Spatial intelligence)
- เชาวน์ปัญญาด้านดนตรี(Musical intelligence)
- เชาวน์ปัญญาด้านการเคลื่อนไหวร่างกายและกล้ามเนื้อ(Bodily kinesthetic intelligence)
- เชาวน์ปัญญาด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น(Interpersonal intelligence)
- เชาวน์ปัญญาด้านความเข้าใจตนเอง(Intrapersonal intelligence)
- เชาวน์ปัญญาด้านความเข้าใจธรรมชาติ(Naturalist intelligence)
เชาวน์ปัญญาของแต่ละคนอาจจะมีมากกว่านี้ คนแต่ละคนจะมีความสามารถเฉพาะด้านที่แตกต่างไปจากคนอื่น และมีความสามารถในด้านต่างๆ ไม่เท่ากัน ความสามารถที่ผสมผสานกันออกมา ทำให้บุคคลแต่ละคนมีแบบแผนซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน
2. เชาวน์ปัญญาของแต่ละบุคคลจะไม่อยู่คงที่อยู่ที่ระดับที่ตนมีตอนเกิด แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากได้รับการส่งเสริมที่เหมาะสม
หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายที่สามารถส่งเสริมเชาวน์ปัญญาหลายๆ ด้าน ให้เหมาะสมกับขั้นพัฒนาการของผู้เรียน การสอนควรเน้นการส่งเสริมความเป็นเอกลักษณ์ของผู้เรียน ครูควรสอนโดนเน้นให้ผู้เรียนค้นหาเอกลักษณ์ของตน ภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ของตนเอง และเคารพในเอกลักษณ์ของผู้อื่น รวมทั้งเห็นคุณค่าและเรียนรู้ที่จะใช้ความแตกต่างของแต่ละบุคคลให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ระบบการวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ควรมีการประเมินหลายๆ ด้าน และในแต่ละด้านควรเป็นการประเมินในสภาพการณ์ของปัญหาที่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยอุปกรณ์ที่สัมพันธ์กับเชาวน์ปัญญาด้านนั้นๆ การประเมินจะต้องครอบคลุมความสามารถในการแก้ปัญหาหรือการสร้างสรรค์ผลงานโดยใช้อุปกรณ์ที่สัมพันธ์กับเชาวน์ปัญญาด้านนั้นๆ อีกวิธีหนึ่ง
3.3 ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง(Constructivism) เป็นทฤษฏีที่ให้ความสำคัญกับกระบวนการและวิธีการของบุคคลในการสร้างความรู้ความเข้าใจจากประสบการณ์ รวมทั้งโครงสร้างทางปัญญาและความเชื่อที่ใช้ในการแปลความหมายเหตุการณ์และสิ่งต่างๆ เป็นกระบวนการที่ผู้เรียนจะต้องจัดกระทำกับข้อมูล นอกจากกระบวนการเรียนรู้จะเป็นกระบวนการปฏิสัมพันธ์ภายในสมองแล้ว ยังเป็นกระบวนการทางสังคมด้วย การสร้างความรู้จึงเป็นกระบวนการทั้งด้านสติปัญญาและสังคมควบคู่กันไป หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จะมุ่งเน้นไปที่กระบวนการสร้างความรู้(process of knowledge construction) เป้าหมายของการสอนจะเปลี่ยนจากการถ่ายทอดให้ผู้เรียนได้รับสาระความรู้ที่แน่นอนตายตัว ไปสู่การสาธิตกระบวนการแปลและสร้างความหมายที่หลากหลาย ผู้เรียนจะต้องเป็นผู้จัดกระทำกับข้อมูลหรือประสบการณ์ต่างๆ และจะต้องสร้างความหมายให้กับสิ่งนั้นด้วยตนเอง โดยการให้ผู้เรียนอยู่ในบริบทจริง ในการจัดการเรียนการสอนครูจะต้องพยายามสร้างบรรยากาศทางสังคมจริยธรรมให้เกิดขึ้น ผู้เรียนได้มีบทบาทในการเรียนรู้อย่างเต็มที่โดยผู้เรียนจะนำตนเองและควบคุมตนเองในการเรียนรู้ บทบาทของครูจะเป็นผู้ให้ความร่วมมือ อำนวยความสะดวกและช่วยเหลือผู้เรียนในการเรียนรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ตามทฤษฏีนี้มีลักษณะที่ยืดหยุ่นกันไปในแต่ละบุคคล การประเมินควรใช้วิธีการที่หลากหลาย การวัดผลจะต้องใช้กิจกรรมหรืองานในบริบทจริงด้วย ซึ่งในกรณีที่จำเป็นต้องจำลองของจริงมา ก็สามารถทำได้ แต่เกณฑ์ที่ใช้ควรเป็นเกณฑ์ที่ใช้ในโลกความจริงด้วย
3.4 ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน(Constructionism) แนวคิดของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้ที่ดีเกิดจากการสร้างพลังความรู้ในตนเอง หากผู้เรียนมีโอกาสได้สร้างความคิดและนำความคิดของตนเองไปสร้างสรรค์ชิ้นงานโดยอาศัยสื่อและเทคโนโลยีที่เหมาะสม จะทำให้ความคิดเห็นนั้นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ ครูจะต้องทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้แก่ผู้เรียน ให้คำปรึกษาชี้แนะแก่ผู้เรียน เกื้อหนุนการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นสำคัญ ในการประเมินผลนั้นต้องมีการประเมินทั้งทางด้านผลงานและกระบวนการซึ่งสามารถใช้วิธีการที่หลากหลาย เช่น การประเมินตนเอง การประเมินโดยครูและเพื่อน การสังเกต การประเมินโดยใช้แฟ้มสะสมงาน
3.5 ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ(Theory of Cooperative or Collaborative Learning) แนวคิดของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อยโดยมีสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกันประมาณ 3 – 6 คน ช่วยกันเรียนรู้เพื่อไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม โดยผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในลักษณะแข่งขันกัน ต่างคนต่างเรียนและร่วมมือกันหรือช่วยกันในการเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จะเน้นให้ผู้เรียนช่วยกันในการเรียนรู้ โดยมีกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนมีการพึ่งพาอาศัยกันในการเรียนรู้ มีการปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด มีการสัมพันธ์กัน มีการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีการวิเคราะห์กระบวนการของกลุ่ม และมีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบงานร่วมกัน ส่วนการประเมินผลการเรียนรู้ควรมีการประเมินทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ โดยวิธีการที่หลากหลายและควรให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการประเมิน และครูควรจัดให้ผู้เรียนมีเวลาในการวิเคราะห์การทำงานกลุ่มและพฤติกรรมของสมาชิกกลุ่ม เพื่อให้กลุ่มมีโอกาสที่จะปรับปรุงส่วนบกพร่องของกลุ่ม
หมู่เรียน 9 สอบในคาบวันที่ 9 พ.ค. 53 เวลา 13.30 น. - 15.40 น.
เพิ่มเติมบทที่ 4 ทฤษฎีการเรียนรู้และการประยุกต์ใช้
ที่มาของการสืบค้น http://www.wijai48.com/learning_stye/learningprocess.htm
แนวความคิดในเรื่องของการเรียนรู้ของมนุษย์ ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักปรัชญาและนักจิตวิทยามาแต่ในอดีต ซึ่งต่างก็ได้แสดงทัศนะกันไว้อย่างหลากหลาย แนวคิดเหล่านั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการไปในแต่ละยุคแต่ละสมัย รวมทั้งได้ขยายขอบเขตไปสู่เรื่องของการจัดการศึกษาและการสอน การศึกษาแนวคิดในอดีต นอกจากจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่จะช่วยให้เกิดความเข้าใจในเรื่องของการจัดการศึกษาและเกิดแนวความคิดใหม่ๆ แล้วยังเป็นการทบทวนภูมิปัญญาของนักคิดในอดีตซึ่งอาจจะตกหล่นสูญหายหรือเสื่อมความนิยมไปด้วยกาลและสมัยแต่อาจยังทรงคุณค่ามหาศาลต่อการเรียนรู้ของมนุษย์
ทฤษฎีการเรียนรู้เป็นแนวความคิดที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถใช้อธิบายลักษณะของการเกิดการเรียนรู้ หรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ ส่วนหลักการสอนก็คือ แนวคิดที่เป็นหลักของการปฏิบัติทางการสอนที่สอดคล้องกับทฤษฎีการเรียนรู้ต่างๆ
ทฤษฎีการเรียนรู้สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังต่อไปนี้
1. ทฤษฎีเกี่ยวกับการเรียนรู้ช่วงก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 20
1.1 ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการฝึกจิตหรือสมอง(Mental Discipline) นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า จิตหรือสมองหรือสติปัญญา(mind) สามารถพัฒนาให้ปราดเปรื่องได้โดยการฝึก ในการฝึกจิตหรือสมองนี้ทำได้โดยให้บุคคลเรียนรู้สิ่งที่ยากๆ ยิ่งยากมากเท่าไร จิตก็จะได้รับการฝึกให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น หลักการในการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยการกระตุ้นความรู้ในตัวผู้เรียนให้แสดงออกมา วิธีการสอนแบบโสเครติส(Socratic Method) และวิธีการสอนแบบบรรยาย(Didactic Method) เป็นวิธีการสอนตามทฤษฏีนี้ที่ใช้คำถามเพื่อดึงความรู้ในตัวผู้เรียนออกมาให้กระจ่างชัดและช่วยเพิ่มเติมประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียน ซึ่งเป็นวิธีการสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี
1.2 ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการพัฒนาไปตามธรรมชาติ(Natural Unfoldment) นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า ธรรมชาติคือแหล่งเรียนรู้สำคัญ เด็กควรจะได้เรียนรู้ไปตามธรรมชาติ การใช้ของจริงเป็นสื่อในการสอนจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดี การเล่นเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญของเด็ก เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ เด็กมีสภาวะของเด็ก ซึ่งแตกต่างไปจากวัยอื่น การจัดการศึกษาให้เด็กจึงควรพิจารณาระดับอายุเป็นหลัก การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้แก่เด็กจะต้องมีความแตกต่างไปจากการจัดให้ผู้ใหญ่ และยึดเด็กเป็นศูนย์กลางให้เสรีภาพแก่เด็กได้เรียนรู้ตามความต้องการและความสนใจของตน ให้เด็กได้เรียนรู้ตามธรรมชาติและเป็นไปตามธรรมชาติ โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและความพร้อมของเด็ก
1.3 ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการรับรู้และการเชื่อมโยงความคิด(Apperception) นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า การเรียนรู้เกิดจากแรงกระตุ้นภายนอกหรือสิ่งแวดล้อม(neutral - passive) การเรียนรู้เกิดจากการที่บุคคลได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 (sensation) และความรู้สึก(feeling) คือ การตีความหรือแปลความหมายจากการสัมผัส การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จึงเน้นให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจได้เป็นอย่างดี
2. ทฤษฎีเกี่ยวกับการเรียนรู้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20
2.1 ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม(Behaviorism) นักคิดในกลุ่มนี้มองธรรมชาติของมนุษย์ในลักษณะที่เป็นกลาง คือ ไม่ดี – ไม่เลว การกระทำต่างของมนุษย์เกิดจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมภายนอก พฤติกรรมของมนุษย์เกิดจากการตอบสนองต่อสิ่งเร้า(stimulus response) การเรียนรู้เกิดจากการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง กลุ่มพฤติกรรมนิยมให้ความสนใจกับ ”พฤติกรรม” มากเพราะพฤติกรรมเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด สามารถวัดและทดสอบได้ ทฤษฏีการเรียนรู้ในกลุ่มนี้ ประกอบด้วยแนวคิดสำคัญๆ 3 แนวด้วยกัน คือ
- ทฤษฎีการเชื่อมโยง(Classical Connectionism) ของธอร์นไดค์
(Thorndike) มีความเชื่อว่าการเรียนรู้เกิดจาการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนอง ซึ่งมีหลายรูปแบบ บุคคลจะมีการลองผิดลองถูกปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบรูปแบบการตอบสนองที่สามารถให้ผลที่พึงพอใจมากที่สุด เมื่อเกิดการเรียนรู้แล้ว บุคคลจะใช้รูปแบบการตอบสนองที่เหมาะสมเพียงรูปแบบเดียว และจะพยายามใช้รูปแบบนั้นเชื่อมโยงกับสิ่งเร้าในการเรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จึงเน้นที่การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนแบบลองผิดลองถูกบ้าง มีการสำรวจความพร้อมของผู้เรียนซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องกระทำก่อนการสอนบทเรียน เมื่อผู้เรียนเกิดการเรียนรู้แล้วครูควรฝึกให้ผู้เรียนฝึกการนำการเรียนรู้นั้นไปใช้บ่อยๆ การศึกษาว่าสิ่งใดเป็นสิ่งเร้าหรือรางวัลที่ผู้เรียนพึงพอใจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
- ทฤษฎีการวางเงื่อนไข(Conditioning Theory) ประกอบด้วยทฤษฏีย่อย 4 ทฤษฏี ดังนี้ 1) ทฤษฏีการวางเงื่อนไขแบบอัตโนมัติของพาฟลอฟ (Pavlov’s Classical Conditioning) เน้นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไข สรุปแนวคิดตามทฤษฏีนี้ได้ว่า การเรียนรู้ของสิ่งมีชีวิตเกิดจากการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไข 2) ทฤษฏีการวางเงื่อนไขแบบอัตโนมัติของวัตสัน (Watson’s Classical Conditioning) เน้นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไขเช่นกัน สรุปแนวคิดตามทฤษฏีนี้ได้ว่า การเรียนรู้จะคงทนถาวรหากมีการให้สิ่งเร้าที่สัมพันธ์กันนั้นควบคู่กันไปอย่างสม่ำเสมอ 3) ทฤษฏีการวางเงื่อนไขแบบต่อเนื่องของกัทธรี(Guthrie’s Contiguous Conditioning) เน้นหลักการจูงใจ สรุปแนวคิดตามทฤษฏีนี้ได้ว่า การเรียนรู้เมื่อเกิดขึ้นแล้วแม้เพียงครั้งเดียว ก็นับว่าได้เรียนรู้แล้วไม่จำเป็นต้องทำซ้ำอีก 4) ทฤษฏีการวางเงื่อนไขแบบโอเปอร์แรนต์ของสกินเนอร์(Skinner’s Operant Conditioning) เน้นการเสริมแรงหรือให้รางวัล สรุปแนวคิดตามทฤษฏีนี้ได้ว่า การกระทำใดๆ ถ้าได้รับการเสริมแรงจะมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอีก การเสริมแรงที่แปรเปลี่ยนทำให้การตอบสนองคงทนกว่าการเสริมแรงที่ตายตัว การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จึงเน้นที่การเสนอสิ่งเร้าในการเรียนการสอน การจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง มีการแสริมแรงหรือให้รางวัลเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความพึงพอใจที่จะเรียนรู้
- ทฤษฏีการเรียนรู้ของฮัลล์(Hull’s Systematic Behavior Theory) มีความเชื่อว่าถ้าร่างกายเมื่อยล้า การเรียนรู้จะลดลง การตอบสนองต่อการเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดีที่สุดเมื่อได้รับแรงเสริมในเวลาใกล้บรรลุเป้าหมาย หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จึงมักคำนึงถึงความพร้อม ความสามารถและเวลาที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีที่สุด การจัดการเรียนการสอนควรให้ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อตอบสนองระดับความสามารถของผู้เรียน
2.2 ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม(Cognitivism) เน้นกระบวนการทางปัญญาหรือความคิด ซึ่งเป็นกระบวนการภายในของสมอง นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่าการเรียนรู้ของมนุษย์ไม่ใช่เรื่องของพฤติกรรมที่เกิดจากกระบวนการตอบสนองต่อสิ่งเร้าเพียงเท่านั้น การเรียนรู้ของมนุษย์มีความซับซ้อนยิ่งไปกว่านั้น การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิดที่เกิดจากการสะสมข้อมูล การสร้างความหมายและความสัมพันธ์ของข้อมูลและการดึงข้อมูลออกมาใช้ในการกระทำและการแก้ปัญหาต่างๆ การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสติปัญญาของมนุษย์ในการที่จะสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ตนเอง ทฤษฏีในกลุ่มนี้ที่สำคัญๆ มี 5 ทฤษฏี คือ
- ทฤษฎีเกสตัลท์(Gestalt Theory) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิดซึ่งเป็นกระบวนการภายในตัวมนุษย์ บุคคลจะเรียนรู้จากสิ่งเร้าที่เป็นส่วนรวมได้ดีกว่าส่วนย่อย หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จะเน้นกระบวนการคิด การสอนโดยเสนอภาพรวมก่อนการเสนอส่วนย่อย ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีประสบการณ์มากและหลากหลายซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนสามรถคิดแก้ปัญหา คิดริเริ่มและเกิดการเรียนรู้แบบหยั่งเห็นได้
- ทฤษฎีสนาม(Field Theory) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เกิดขึ้นเมื่อบุคคลมีแรงจูงใจหรือแรงขับที่จะกระทำให้ไปสู่จุดหมายปลายทางที่ตนต้องการ หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการเข้าไปอยู่ใน “โลก” ของผู้เรียน การสร้างแรงจูงใจหรือแรงขับโดยการจัดสิ่งแวดล้อมทั้งทางกายภาพและจิตวิทยาให้ดึงดูดความสนใจและสนองความต้องการของผู้เรียนเป็นสิ่งจำเป็นในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
- ทฤษฎีเครื่องหมาย(Sign Theory) ของทอลแมน(Tolman) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เกิดจากการใช้เครื่องหมายเป็นตัวชี้ทางให้แสดงพฤติกรรมไปสู่จุดหมายปลายทาง หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการสร้างแรงขับและหรือแรงจูงใจให้ผู้เรียนบรรลุจุดมุ่งหมายใดๆ โดยใช้เครื่องหมาย สัญลักษณ์หรือสิ่งอื่นๆ ที่เป็นเครื่องชี้ทางควบคู่ไปด้วย
- ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา(Intellectual Development Theory) นักคิดคนสำคัญของทฤษฏีนี้มีอยู่ 2 ท่าน ได้แก่ เพียเจต์(Piaget) และบรุนเนอร์(Bruner) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้เน้นเรื่องพัฒนาการทางสติปัญญญาของบุคคลที่เป็นไปตามวัยและเชื่อว่ามนุษย์เลือกที่จะรับรู้สิ่งที่ตนเองสนใจและการเรียนรู้เกิดจากระบวนการการค้นพบด้วยตนเอง หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ คำนึงถึงพัฒนาการทางสติปัญญาของผู้เรียนและจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนอย่างเหมาะสมกับพัฒนาการนั้น ให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์และมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมมากๆ ควรเด็กได้ค้นพบการเรียนรู้ด้วยตนเอง ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้คิดอย่างอิสระและสอนการคิดแบบรวบยอดเพื่อช่วยส่งงเสริมความคิดสร้างสรรค์ของผุ้เรียน
- ทฤษฏีการเรียนรู้อย่างมีความหมาย(A Theory of Meaningful Verbal Learning) ของออซูเบล(Ausubel) เชื่อว่า การเรียนรู้จะมีความหมายแก่ผู้เรียน หากการเรียนรู้นั้นสามารถเชื่อมโยงกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่รู้มาก่อน หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ มีการนำเสนอความคิดรวบยอดหรือกรอบมโนทัศน์ หรือกรอบแนวคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแก่ผู้เรียนก่อนการสอนเนื้อหาสาระนั้นๆ จะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนเนื้อหาสาระนั้นอย่างมีความหมาย
2.3 ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม(Humanism) นักคิดกลุ่มมานุษยนิยมให้ความสำคัญของความเป็นมนุษย์และมองมนุษย์ว่ามีคุณค่า มีความดีงาม มีความสามารถ มีความต้องการ และมีแรงจูงใจภายในที่จะพัฒนาศักยภาพของตน หากบุคคลมีอิสระภาพและเสรีภาพ มนุษย์จะพยายามพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทฤษฏีและแนวคิดที่สำคัญๆ ในกลุ่มนี้มี 2 ทฤษฏีและ 5 แนวคิด คือ
- ทฤษฎีการเรียนรู้ของมาสโลว์ แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ มนุษย์ทุกคนมีความต้องการพื้นฐานตามธรรมชาติเป็นลำดับขั้น และต้องการที่จะรู้จักตนเองและพัฒนาตนเอง หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการเข้าถึงความต้องการพื้นฐานของผู้เรียน และตอบสนองความต้องการพื้นฐานนั้นอย่างพอเพียง ให้อิสรภาพและเสรีภาพแก่ผู้เรียนในการเรียนรู้ มีการจัดบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ซึ่งช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดประสบการณ์ในการรู้จักตนเองตามสภาพความเป็นจริง
- ทฤษฎีการเรียนรู้ของรอเจอร์ แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ มนุษย์สามารถพัฒนาตนเองได้ดีหากอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายและเป็นอิสระ การจัดบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเอื้อต่อการเรียนเรียนรู้และเน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยครูเป็นผู้ชี้แนะและทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนและการเรียนรู้จะเน้นกระบวนการเป็นสำคัญ หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการเรียนรู้กระบวนการเป็นสำคัญ ควรจัดสภาพแวดล้อมทางการเรียนให้อบอุ่น ปลอดภัย ครูควรสอนแบบชี้แนะโดยให้ผู้เรียนเป็นผู้นำทางในการเรียนรู้ของตนและคอยช่วยเหลือผู้เรียนให้เรียนอย่างสะดวกจนบรรลุผล
- แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของโคมส์ เชื่อว่าความรู้สึกของผู้เรียนมีความสำคัญต่อการเรียนรู้มาก เพราะความรู้สึกและเจตคติของผู้เรียนมีอิทธิพลต่อกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน หลักการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้จึงเน้นถึงความรู้สึกของผู้เรียนเป็นหลัก การสร้างเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี
- แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของโนลส์ เชื่อว่าผู้เรียนจะเรียนรู้ได้มากหากมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ มีอิสระที่จะเรียนและได้รับการส่งเสริมในการพัฒนาด้วยตนเอง หลักการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้เน้นการให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียน เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เลือกสิ่งที่เรียนและวิธีเรียนด้วยตนเอง ลงมือกระทำและยอมรับผลของการตัดสินใจหรือการกระทำของตนเอง
- แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของแฟร์ เชื่อว่าผู้เรียนต้องถูกปลดปล่อยจากการกดขี่ของครูที่สอนแบบเก่า ผู้เรียนมีศักยภาพและมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่จะกระทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง หลักการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้เน้นการให้อิสรภาพและเสรีภาพในการเรียนรู้แก่ผู้เรียน
- แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของอิลลิช เชื่อว่าสังคมแห่งการเรียนรู้เป็นสังคมที่ต้องล้มเลิกระบบโรงเรียน การศึกษาควรเป็นการศึกษาตลอดชีวิตแบบเป็นไปตามธรรมชาติ โดยให้โอกาสในการศึกษาเล่าเรียนแก่บุคคลอย่างเต็มที่ หลักการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้เน้นการจัดการศึกษาต่อเนื่องไปตลอดชีวิตไปตามธรรมชาติ
- แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของนีล เชื่อว่ามนุษย์เป็นผู้มีศักดิ์ศรี มีความดีโดยธรรมชาติ หากมนุษย์อยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น บริบูรณ์ด้วยความรัก มีอิสรภาพและเสรีภาพ มนุษย์จะพัฒนาไปในทางที่ดีทั้งต่อตนเองและสังคม หลักการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้ คือ การให้เสรีภาพอย่างสมบูรณ์แก่ผู้เรียนในการเรียน จัดให้เรียนเมื่อพร้อมจะเรียนจะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาไปตามธรรมชาติ
2.4 ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มผสมผสานของกานเย (Gagne’s eclecticism) แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ ความรู้มีหลายประเภท บางประเภทสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องใช้ความคิดที่ลึกซึ้ง บางประเภทมีความซับซ้อนมาก จำเป็นต้องใช้ความสามารถในขั้นสูง หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ การจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบซึ่งเริ่มจากง่ายไปหายากมีทั้งหมด 9 ขั้น ดังนี้
ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ(Gaining attention)
ขั้นที่ 2 แจ้งจุดประสงค์(Informing the learning)
ขั้นที่ 3 กระตุ้นให้ผู้เรียนระลึกถึงความรู้เดิมที่จำเป็น(Stimulating recall of prerequisite learned capabilities)
ขั้นที่ 4 เสนอบทเรียนใหม่(Presenting the stimulus)
ขั้นที่ 5 ให้แนวทางการเรียนรู้(Providing learning guidance)
ขั้นที่ 6 ให้ลงมือปฏิบัติ(Eliciting the performance)
ขั้นที่ 7 ให้ข้อมูลป้อนกลับ(Feedback)
ขั้นที่ 8 ประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ตามจุดประสงค์(Assessing the performance)
ขั้นที่ 9 ส่งเสริมความแม่นยำและการถ่ายโอนการเรียนรู้(Enhancing retention and transfer)
3. ทฤษฎีการเรียนรู้และการสอนร่วมสมัย
3.1 ทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล(Information Processing Theory) เป็นทฤษฏีที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์ โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมอง ทฤษฏีนี้มีแนวคิดว่า การทำงานของสมองมนุษย์มีความคล้ายคลึงกับการทำงานของคอมพิวเตอร์ หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ การนำเสนอสิ่งเร้าที่ผู้เรียนรู้จักหรือมีข้อมูลอยู่จะสามารถช่วยให้ผู้เรียนหันมาใส่ใจและรับรู้สิ่งนั้น จัดสิ่งเร้าในการเรียนรู้ให้ตรงกับความสนใจของผู้เรียน สอนให้ฝึกการจำโดยใช้วิธีการที่หลากหลาย หากต้องการให้ผู้เรียนจดจำเนื้อหาสาระใดๆ ได้เป็นเวลานาน สาระนั้นจะต้องได้รับการเข้ารหัส(encoding) เพื่อนำไปเข้าหน่วยความจำระยะยาว วิธีการเข้ารหัสสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การท่องจำซ้ำๆ การทบทวน หรือการใช้กระบวนการขยายความคิด
3.2 ทฤษฎีพหุปัญญา(Theory of Multiple Intelligences) ทฤษฏีนี้มีความเชื่อพื้นฐานที่สำคัญ 2 ประการ คือ
1. เชาวน์ปัญญาของบุคคลมิได้มีเพียงความสามารถทางภาษาและทางคณิตศาสตร์เท่านั้น แต่มีอยู่อย่างหลากหลายถึง 8 ประเภทด้วยกัน ประกอบด้วย
- เชาวน์ปัญญาด้านภาษา(Linguistic intelligence)
- เชาวน์ปัญญาด้านคณิตศาสตร์หรือการใช้เหตุผลเชิงตรรกะ(Logical mathematical intelligence)
- สติปัญญาด้านมิติสัมพันธ์(Spatial intelligence)
- เชาวน์ปัญญาด้านดนตรี(Musical intelligence)
- เชาวน์ปัญญาด้านการเคลื่อนไหวร่างกายและกล้ามเนื้อ(Bodily kinesthetic intelligence)
- เชาวน์ปัญญาด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น(Interpersonal intelligence)
- เชาวน์ปัญญาด้านความเข้าใจตนเอง(Intrapersonal intelligence)
- เชาวน์ปัญญาด้านความเข้าใจธรรมชาติ(Naturalist intelligence)
เชาวน์ปัญญาของแต่ละคนอาจจะมีมากกว่านี้ คนแต่ละคนจะมีความสามารถเฉพาะด้านที่แตกต่างไปจากคนอื่น และมีความสามารถในด้านต่างๆ ไม่เท่ากัน ความสามารถที่ผสมผสานกันออกมา ทำให้บุคคลแต่ละคนมีแบบแผนซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน
2. เชาวน์ปัญญาของแต่ละบุคคลจะไม่อยู่คงที่อยู่ที่ระดับที่ตนมีตอนเกิด แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากได้รับการส่งเสริมที่เหมาะสม
หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายที่สามารถส่งเสริมเชาวน์ปัญญาหลายๆ ด้าน ให้เหมาะสมกับขั้นพัฒนาการของผู้เรียน การสอนควรเน้นการส่งเสริมความเป็นเอกลักษณ์ของผู้เรียน ครูควรสอนโดนเน้นให้ผู้เรียนค้นหาเอกลักษณ์ของตน ภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ของตนเอง และเคารพในเอกลักษณ์ของผู้อื่น รวมทั้งเห็นคุณค่าและเรียนรู้ที่จะใช้ความแตกต่างของแต่ละบุคคลให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ระบบการวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ควรมีการประเมินหลายๆ ด้าน และในแต่ละด้านควรเป็นการประเมินในสภาพการณ์ของปัญหาที่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยอุปกรณ์ที่สัมพันธ์กับเชาวน์ปัญญาด้านนั้นๆ การประเมินจะต้องครอบคลุมความสามารถในการแก้ปัญหาหรือการสร้างสรรค์ผลงานโดยใช้อุปกรณ์ที่สัมพันธ์กับเชาวน์ปัญญาด้านนั้นๆ อีกวิธีหนึ่ง
3.3 ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง(Constructivism) เป็นทฤษฏีที่ให้ความสำคัญกับกระบวนการและวิธีการของบุคคลในการสร้างความรู้ความเข้าใจจากประสบการณ์ รวมทั้งโครงสร้างทางปัญญาและความเชื่อที่ใช้ในการแปลความหมายเหตุการณ์และสิ่งต่างๆ เป็นกระบวนการที่ผู้เรียนจะต้องจัดกระทำกับข้อมูล นอกจากกระบวนการเรียนรู้จะเป็นกระบวนการปฏิสัมพันธ์ภายในสมองแล้ว ยังเป็นกระบวนการทางสังคมด้วย การสร้างความรู้จึงเป็นกระบวนการทั้งด้านสติปัญญาและสังคมควบคู่กันไป หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จะมุ่งเน้นไปที่กระบวนการสร้างความรู้(process of knowledge construction) เป้าหมายของการสอนจะเปลี่ยนจากการถ่ายทอดให้ผู้เรียนได้รับสาระความรู้ที่แน่นอนตายตัว ไปสู่การสาธิตกระบวนการแปลและสร้างความหมายที่หลากหลาย ผู้เรียนจะต้องเป็นผู้จัดกระทำกับข้อมูลหรือประสบการณ์ต่างๆ และจะต้องสร้างความหมายให้กับสิ่งนั้นด้วยตนเอง โดยการให้ผู้เรียนอยู่ในบริบทจริง ในการจัดการเรียนการสอนครูจะต้องพยายามสร้างบรรยากาศทางสังคมจริยธรรมให้เกิดขึ้น ผู้เรียนได้มีบทบาทในการเรียนรู้อย่างเต็มที่โดยผู้เรียนจะนำตนเองและควบคุมตนเองในการเรียนรู้ บทบาทของครูจะเป็นผู้ให้ความร่วมมือ อำนวยความสะดวกและช่วยเหลือผู้เรียนในการเรียนรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ตามทฤษฏีนี้มีลักษณะที่ยืดหยุ่นกันไปในแต่ละบุคคล การประเมินควรใช้วิธีการที่หลากหลาย การวัดผลจะต้องใช้กิจกรรมหรืองานในบริบทจริงด้วย ซึ่งในกรณีที่จำเป็นต้องจำลองของจริงมา ก็สามารถทำได้ แต่เกณฑ์ที่ใช้ควรเป็นเกณฑ์ที่ใช้ในโลกความจริงด้วย
3.4 ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน(Constructionism) แนวคิดของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้ที่ดีเกิดจากการสร้างพลังความรู้ในตนเอง หากผู้เรียนมีโอกาสได้สร้างความคิดและนำความคิดของตนเองไปสร้างสรรค์ชิ้นงานโดยอาศัยสื่อและเทคโนโลยีที่เหมาะสม จะทำให้ความคิดเห็นนั้นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ ครูจะต้องทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้แก่ผู้เรียน ให้คำปรึกษาชี้แนะแก่ผู้เรียน เกื้อหนุนการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นสำคัญ ในการประเมินผลนั้นต้องมีการประเมินทั้งทางด้านผลงานและกระบวนการซึ่งสามารถใช้วิธีการที่หลากหลาย เช่น การประเมินตนเอง การประเมินโดยครูและเพื่อน การสังเกต การประเมินโดยใช้แฟ้มสะสมงาน
3.5 ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ(Theory of Cooperative or Collaborative Learning) แนวคิดของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อยโดยมีสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกันประมาณ 3 – 6 คน ช่วยกันเรียนรู้เพื่อไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม โดยผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในลักษณะแข่งขันกัน ต่างคนต่างเรียนและร่วมมือกันหรือช่วยกันในการเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จะเน้นให้ผู้เรียนช่วยกันในการเรียนรู้ โดยมีกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนมีการพึ่งพาอาศัยกันในการเรียนรู้ มีการปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด มีการสัมพันธ์กัน มีการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีการวิเคราะห์กระบวนการของกลุ่ม และมีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบงานร่วมกัน ส่วนการประเมินผลการเรียนรู้ควรมีการประเมินทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ โดยวิธีการที่หลากหลายและควรให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการประเมิน และครูควรจัดให้ผู้เรียนมีเวลาในการวิเคราะห์การทำงานกลุ่มและพฤติกรรมของสมาชิกกลุ่ม เพื่อให้กลุ่มมีโอกาสที่จะปรับปรุงส่วนบกพร่องของกลุ่ม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)