วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

News ! กำหนดการส่งรายงานก่อนสอบปลายภาค

เนื่องจากเหลือการเรียนการสอนอีก 2 ครั้งก็จะสอบปลายภาค
จากแนวการสอนรายวิชานักศึกษาต้องพิมพ์รายงานและเย็บเล่มส่งตามที่ได้ระบุไว้คือ
1.รายงานศึกษารายกรณี (Case study)ซึ่งให้นักศึกษาทำการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ปัญหาและระบุแนวทางการช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่มีปัญหาทางพฤติกรรมอารมณ์ ทั้ง 6 ลักษณะ คือ ก้าวร้าว-ก่อกวน,ปัญหาการปรับตัว,การหลีกหนีสังคม,วิตกกังวลและขาดความเชื่อมั่นในตนเอง,ปัญหาผิดปกติทางการเรียน โดยระบุข้อมูลบันทึกการสัมภาษณ์และใช้แบบสอบถามตามข้อมูลในบทที่ 6 ของหนังสือประกอบการสอน และพรรณาวิธีการช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้หลักการแนวคิดที่เรียนมาเป็นแนวทาง
กำหนดส่งภายใน 12-13 มิถุนายน 2553 (20 คะแนน)
2.รายงาน ฝึกทักษะการให้คำปรึกษา (micro counseling) ให้นักศึกษาเลือกบุคคล 1 คน (ที่ไม่ใช่คนที่ทำ case study)เพื่อนำมาฝึกพุดคุยให้คำปรึกษาแนะแนว ตามขั้นตอนคือ สร้างสัมพันธภาพ, สำรวจปัญหา,ทำความเข้าใจกับปัญหา,วางแผนแก้ไขปัญหา,สรุปและยุติการปรึกษา โดยระหว่างที่พูดคุยนักศึกษาเลือกใช้ทักษะต่างๆ เช่น ถาม ฟังอย่างตั้งใจ เอาใจใส่ และเงียบ เป็นต้น รายละเอียดมีในในหนังสือ หน้า 164 และบันทึกภาพขณะพูดคุย อย่างน้อย 10 ภาพ อธิบายใต้ภาพว่ากำลังใช้ทักษะแบบใด อยู่ในขั้นตอนใด พิมพ์ส่ง
กำหนดส่งภายใน 12-13 มิถุนายน 2553 (10 คะแนน)

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ประกาศ คะแนนสอบกลางภาค 3/2552 (หมู่เรียน9)

เลขที่ เลขประจำตัว ชื่อ - นามสกุล คะแนนกลางภาค (คะแนนเต็ม 20 คะแนน)คะแนนรายงานสืบค้นวิจียและนำเสนอ(คะแนนเต็ม 15 คะแนน)

1 บพก.52303385 นางสาวกนก บุญขำ (11 คะแนน)+(13คะแนน)
2 บพก.52303386 นางสาวกนกวรรณ สังควิสุทธิ์ **+(6คะแนน*)
3 บพก.52303387 นางกมลวรรณ สินคงเจริญ ** +(13 คะแนน)
4 บพก.52303388 นางสาวกฤษณา แผนสมบูรณ์ (12.5คะแนน)+(11คะแนน)
5 บพก.52303389 นางสาวชลธิชา คงมีผล ** +(13คะแนน)
6 บพก.52303390 นางสาวฐิติมา พรหมมา (12 คะแนน)+(13คะแนน)
7 บพก.52303392 นางสาวณัฐปภัสร์ พลายงาม (7.5 คะแนน)+(12คะแนน)
8 บพก.52303393 นางสาวณัฐานันท์ สมถวิล (10 คะแนน)+(11คะแนน)
9 บพก.52303394 นางสาวนพมาศ สมานทรัพย์ (12 คะแนน)+(13คะแนน)
10 บพก.52303395 นางสาวนันจนา ทุมมาส (11.5 คะแนน)+(11คะแนน)
11 บพก.52303396 นางนันฑิกา วงษ์จันทร์ศรี (16 คะแนน)+(13คะแนน)
12 บพก.52303397 นางสาวนิภาพร สมศรี ออก
13 บพก.52303398 นางประถม รุ่งเรือง (12 คะแนน)+(12คะแนน)
14 บพก.52303400 นางสาวปิยนันท์ เอกวิบูลย์ (10 คะแนน)+(12คะแนน)
15 บพก.52303401 นางสาวพจนีย์ จีนะ (14.5 คะแนน)+(13คะแนน)
16 บพก.52303402 นางสาวเพ็ญลักษณ์ กำธรธนกาญจน์ (13.5 คะแนน)+(11คะแนน)
17 บพก.52303403 นางสาวมยุรา สิทธิสร **+(4คะแนน*)
18 บพก.52303404 นางสาวมลฤดี ไชยคำภา (10 คะแนน)+(13คะแนน)
19 บพก.52303405 นางสาวรุ่งติกาญจน์ เกิดดี **
20 บพก.52303406 นางสาวรุ่งเพ็ชร ศรียะโสธร ออก
21 บพก.52303407 นางสาววงศ์นิศา พิลาวัลย์ **
22 บพก.52303408 นางวาทินี ไชยรัง (10.5 คะแนน)+(13คะแนน)
23 บพก.52303409 นางสาววราภรณ์ มาลัยรัตน์ (13.5 คะแนน)+(12คะแนน)
24 บพก.52303410 นางสาววันนภา ศิริธรรม (8 คะแนน)+(13คะแนน)
25 บพก.52303411 นางสาววราภรณ์ เอี่ยมแทน (13คะแนน)+(11 คะแนน)
26 บพก.52303412 นางสาววิภารัตน์ ลือสระน้อย (11 คะแนน)+(13คะแนน)
27 บพก.52303413 นางสาววิสาข์ ขุนศรีจตุรงค์ (9 คะแนน)+(7คะแนน*)
28 บพก.52303414 นางสาวศิรินภา บุญกอ (16.5 คะแนน)+(13คะแนน)
29 บพก.52303415 นางสาวศิริพร สุขเอี่ยม **
30 บพก.52303416 นางสาวสมจิต ด้วงเดช (15 คะแนน)+(13คะแนน)
31 บพก.52303417 นางสาวสุขฤทัย มาทัพ (13.5 คะแนน)+(13คะแนน)
32 บพก.52303418 นางสาวสุวิมล สังข์ศิลปชัย **+(13คะแนน)
33 บพก.52303420 นายกิตติพงษ์ ยอดดี (14.5 คะแนน)+(11คะแนน)
34 บพก.52303421 นายจรูญเดช ชัยรัตนการ **+(9คะแนน*)
35 บพก.52303422 นายชัยณรงค์ สังข์เฉย บวช
36 บพก.52303423 นายไตรรัตน์ ทองรัตนภาค (9.5 คะแนน)+(3คะแนน*)
37 บพก.52303424 นายทรงสันต์ อ่อนอุทัย (13 คะแนน)+(13คะแนน)
38 บพก.52303425 นายปัญญา มีศิริ (7 คะแนน)+(13คะแนน)
39 บพก.52303426 นายปิยพงศ์ ธนสมบูรณ์ (7.5 คะแนน)+(13คะแนน)
40 บพก.52303427 นายพยุงศักดิ์ มะเจียกจร (7 คะแนน)+(12คะแนน)
41 บพก.52303428 นายมานิตย์ ปานเหลือง (6.5 คะแนน)+(11คะแนน)
42 บพก.52303429 นายณัฐรินทร์ เจนจิรวัฒนกุล (11.5 คะแนน)+(11คะแนน)
43 บพก.52303430 นายสิงห์ สีเงิน **+(4คะแนน*)
44 บพก.52303431 นายสุภัท ทองไพรวรรณ (9.5 คะแนน)+(10คะแนน)
หมายเหตุ ** หมายถึง ขาดสอบ กลางภาค ไม่มีคะแนนโปรดติดต่ออาจารย์ผู้สอน

วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ประกาศ คะแนนสอบกลางภาค 3/2552 (หมู่เรียน8)

เลขที่ เลขประจำตัว ชื่อ - นามสกุล - คะแนนสอบกลางภาค (เต็ม 20 คะแนน)+ คะแนนรายงานสืบค้นวิจัยและนำเสนอ (เต็ม 15 คะแนน)

1 บพก.52303338 นางสาวนันท์ศุลี กลีบเมฆ (** คะแนน)+(15 คะแนน)
2 บพก.52303339 นางสาวขนิษฐา แจ่มจันทร์ (** คะแนน)+(4 คะแนน*)
3 บพก.52303340 นางขนิษฐา ภาคเดช (14.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
4 บพก.52303341 นางสาวจันทรา ธรรมผุย (8.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
5 บพก.52303342 นางสาวจิราพรรณ กำจัดภัย (** คะแนน)+(9 คะแนน)
6 บพก.52303343 นางสาวนงลักษณ์ ทองคำ (12 คะแนน)+(15 คะแนน)
7 บพก.52303344 นางสาวนิตา ฐิติเจริญพงศ์ (12 คะแนน)+(10 คะแนน)
8 บพก.52303346 นางสาวนิษา อาจหาญ (** คะแนน)+(..คะแนน*)
9 บพก.52303347 นางสาวนุสรา แก้วพรายงาม (6 คะแนน)+(11 คะแนน)
10 บพก.52303348 นางบุปผา เสกศรี (8 คะแนน)+(14 คะแนน)
11 บพก.52303349 นางสาวปัทมา คำยิ่ง (17.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
12 บพก.52303350 นางสาวปิยภัทร อำนวย (13 คะแนน)+(15 คะแนน)
13 บพก.52303351 นางสาวพัชรี จันทร์ละออ (12 คะแนน)+(15 คะแนน)
14 บพก.52303352 นางสาวพิกุล ภาดี (** คะแนน)+ (..คะแนน*)
15 บพก.52303353 นางยุวดี ศรีราชัย (12.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
16 บพก.52303354 นางสาวรัชณีสร อินทรวัฒนา (9 คะแนน)+(11 คะแนน)
17 บพก.52303355 นางสาววนันท์ธนิตย์ จิตกระจ่าง (14 คะแนน)+(4 คะแนน*)
18 บพก.52303356 นางสาววรัญญา จินดาทอง (8 คะแนน)+(15 คะแนน)
19 บพก.52303357 นางสาววราภรณ์ ทรัพย์มิด (14 คะแนน)+(15 คะแนน)
20 บพก.52303358 นางสาววารี เมี่ยงแก (13 คะแนน)+(15 คะแนน)
21 บพก.52303359 นางสาววีราภรณ์ วงศ์คนดี (15.5 คะแนน)+ (15 คะแนน)
22 บพก.52303360 นางสาวสนธยา เห็นประเสริฐ (** คะแนน)+ (..คะแนน*)
23 บพก.52303361 นางสาวสุธิดา ป้องกัน (11 คะแนน)+ (15 คะแนน)
24 บพก.52303362 นางสาวอภิชญา สังขจันทร์ (18 คะแนน)+(15 คะแนน)
25 บพก.52303363 นายอรรถพล แดงเสม (** คะแนน)+(9 คะแนน)
26 บพก.52303364 นางสาวทิพวรรณ ทองเชื้อ (11 คะแนน)+ (11 คะแนน)
27 บพก.52303365 นางสาวอังศิวรา พงษ์โชติ (8 คะแนน)+(..คะแนน*)
28 บพก.52303366 นางสาวอุษา อินเกตุ (10 คะแนน)+(15 คะแนน)
29 บพก.52303367 นางสิริกานต์ จันทร์ตาคำ (16.5 คะแนน)+ (15 คะแนน)
30 บพก.52303368 นางอรณี รักษากุล (**คะแนน)+ (..คะแนน*)
31 บพก.52303369 นายกำธร กัญญา (16.5คะแนน)+ (15 คะแนน)
32 บพก.52303370 นายจตุรงค์ สระทองเทียน (13 คะแนน)+(15 คะแนน)
33 บพก.52303371 นายจันทรรัตน์ ยี่สุ่นศรี (12.5 คะแนน)+(4 คะแนน)
34 บพก.52303372 นายฐิติพงษ์ ลิ่มปรังษี (** คะแนน)+(..คะแนน*)
35 บพก.52303373 นายธงชัย บุญธรรม (14.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
36 บพก.52303374 นายธนวัฒน์ ภูมิพวัฒนโชติ (15.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
37 บพก.52303375 นายปฏิพัทธ์ พิทยาวัฒน์ (13.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
38 บพก.52303376 นายภูวัช ขำนอง (** คะแนน)+(..คะแนน*)
39 บพก.52303377 นายรัฐกร สมุทรวานิช (**คะแนน)+(..คะแนน*)
40 บพก.52303379 นายวลายุทธ แย้มมาลี (11 คะแนน)+(15 คะแนน)
41 บพก.52303380 นายวิริยะ กิติกุล (16.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
42 บพก.52303381 นายสรณะ บัวซ้อน (10.5 คะแนน)+(15 คะแนน)
43 บพก.52303383 นายอาทิตย์ ธรรมอยู่ (13 คะแนน)+(15 คะแนน)
44 บพก.52303384 นายอุดมศักดิ์ สวัสดิ์ธรรม (12 คะแนน)+(15 คะแนน)

หมายเหตุ ** หมายถึง ขาดสอบ กลางภาค ไม่มีคะแนนโปรดติดต่ออาจารย์ผู้สอน
* หมายถึง รูปเล่มรายงานไม่ครบ ไม่ส่งงงานนำเสนอ หรือขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง

ประกาศ คะแนนสอบกลางภาค 3/2552 (หมู่เรียน7)

เลขที่ เลขประจำตัว ชื่อ - นามสกุล คะแนนสอบกลางภาค (เต็ม 20 คะแนน)รายงานสืบค้นวิจัยและนำเสนอ(คะแนนเต็ม 15 คะแนน)

1 บพก.52303289 นางสาวกนิษฐา บุญฤทธิ์ (14.5 คะแนน)+(13คะแนน)
2 บพก.52303290 นางใกล้รุ่ง ทองดี (12 คะแนน)+(12คะแนน)
3 บพก.52303291 นางสาวจุรีรัตน์ จันทร์ประกอบ (17 คะแนน)+(11คะแนน)
4 บพก.52303292 นางสาวเจตนิพิฐ โพธิ์ทอง (8.5 คะแนน)+(12คะแนน)
5 บพก.52303293 นางสาวณัฐญา เพ็งมี (15.5 คะแนน)+(12คะแนน)
6 บพก.52303294 นางสาวดวงแข ชั่งเจริญ (*** คะแนน)
7 บพก.52303295 นางสาวดวงพร นิลน้ำเพ็ชร (8.5 คะแนน)+(13คะแนน)
8 บพก.52303296 นางสาวดวงพร แก้วอินชัย (12 คะแนน)+(11คะแนน)
9 บพก.52303298 นางสาวปารีณา ยังดี (15 คะแนน)+(13คะแนน)
10 บพก.52303299 นางสาวนิชาภา อ่อนละออ (13 คะแนน)+(12คะแนน)
11 บพก.52303300 นางสาวเบญจมาศ อ่อนศรี (14 คะแนน)+(12คะแนน)
12 บพก.52303301 นางสาวปทุมวดี พันธ์หนอย (12.5 คะแนน)+(12คะแนน)
13 บพก.52303303 นางสาวพนิสา สระทองแห่ว (11 คะแนน)+(12คะแนน)
14 บพก.52303304 นางสาวไพริน ยี่สง (13.5 คะแนน)+(11คะแนน)
15 บพก.52303305 นางสาวมาลีรัตน์ พึ่งแพง (15.5 คะแนน)+(11คะแนน)
16 บพก.52303306 นางสาวยุวลี นามโนนเขวา (12.5 คะแนน)+(12คะแนน)
17 บพก.52303307 นางสาวเรณู โตแก้ว (12.5 คะแนน)+(12คะแนน)
18 บพก.52303308 นางราตรี ศรีสุข (11.5 คะแนน)+(12คะแนน)
19 บพก.52303309 นางสาววราคณา นิลน้ำเพชร (13.5 คะแนน)+(12คะแนน)
20 บพก.52303311 นางสาวสิทธิสาคร บ้านกลางดิลก (16 คะแนน)+(12คะแนน)
21 บพก.52303313 นางสาวสุนันท์ เหมือนทัด (9.5 คะแนน)+(11คะแนน)
22 บพก.52303314 นางสาวสุพัตรา หลักหาญ (12 คะแนน)+(11คะแนน)
23 บพก.52303315 นางสาวสุภาภรณ์ หวังเลิศพาณิชย์ (13.5 คะแนน)+(11คะแนน)
24 บพก.52303316 นางสาวสุภารัตน์ แซ่สัว (11 คะแนน)+(11คะแนน)
25 บพก.52303318 นางสุภาพร ทองนุ่ม (16.5 คะแนน)+(13คะแนน)
26 บพก.52303319 นางสาวสุภัคดี มิ่งเมือง (14 คะแนน)+(11คะแนน)
27 บพก.52303320 นางสาวหทัยรัตน์ มณฑาทัศน์ (11.5 คะแนน)+(12คะแนน)
28 บพก.52303321 นางสาวอมรรัตน์ ลัดดากุล (17.5 คะแนน)+(13คะแนน)
29 บพก.52303322 นางสาวอำไพพรรณ ยินดี (17 คะแนน)+(12คะแนน)
30 บพก.52303323 นายกิตติพันธ์ เขียวแก้ว (** คะแนน)+(11คะแนน)
31 บพก.52303324 นายเกศชฎา เจริญเกตุ (13.5 คะแนน)+(9คะแนน*)
32 บพก.52303325 นายจิรชัย บัวแพง (10.5 คะแนน)+(11คะแนน)
33 บพก.52303326 นายเจริญศักดิ์ บุญญาลัย (12 คะแนน)+(12คะแนน)
34 บพก.52303327 นายชารีแวน นกจันทร์ (11.5 คะแนน)+(12คะแนน)
35 บพก.52303328 นายชูศักดิ์ จดจำ (** คะแนน)+(12คะแนน)
36 บพก.52303329 นายปัณณวิช นีละเสถียร (11 คะแนน)+(11คะแนน)
37 บพก.52303331 นายภูวนาถ สวัสดิ์สุข (9.5 คะแนน)+(13คะแนน)
38 บพก.52303332 นายมงคล แสงสิน (14 คะแนน)+(12คะแนน)
39 บพก.52303333 นายรังสิวุฒิ โอชารส (** คะแนน)+(4คะแนน*)
40 บพก.52303334 นายวิมล แก้วใหญ่ (7 คะแนน)+(12คะแนน)
41 บพก.52303335 นายวิสุทธิ์ เจียมธโนปจัย (8.5 คะแนน)+(5คะแนน*)
42 บพก.52303336 นายสราวุธ หิรัญลำไย (** คะแนน)+(5.5คะแนน*)
43 บพก.52303203 นางสาวณัฐนิชา จำปาแย้ม (13.5 คะแนน)+(11คะแนน)
44 บพก.52303435 นางสาวแสงเดือน สังข์ทอง (** คะแนน)
45 บพก.52303282 ว่าที่ร้อยตรีพนม แสงโสต (13 คะแนน)
+(12คะแนน)

หมายเหตุ ** หมายถึง ขาดสอบ กลางภาค ไม่มีคะแนนโปรดติดต่ออาจารย์ผู้สอน

ลักษณะปัญหาพฤติกรรมและอารมณ์นักเรียน


เนื่องด้วย นักศึกษาบางท่านในหมู่เรียน 7,8,9 ยังอยู่ระหว่างการเลือกบุคคลเพื่อ ทำการ ศึกษารายกรณี (Case study)
ดังนั้นผู้สอน จึงนำหัวข้อหลัก ลักษณะของนักเรียนหรือบุคคลที่ควรนำมาศึกษารายกรณี
ให้นักศึกษาเลือก
ให้นักศึกษาสัมภาษณ์และเก็บข้อมูลเพื่อการช่วยเหลือ ตามแบบฟอร์ม ในบทที่ 6 ของหนังสือประกอบการสอน

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

งานกรณีศึกษา บทที่ 5 สำหรับหมู่เรียน7และ9

1.นักศึกษา สืบค้น และถ่ายเอกสารข่าวที่เกี่ยวเนื่องกับปัญหาสุขภาพจิต จากสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออื่นๆ
2. วิเคราะห์สาเหตุของ ปัญหาสุขภาพจิต ของบุคคลในข่าว สรุปและพิมพ์ส่ง 22 พ.ค. 53

วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

กลุ่ม 7 กลุ่ม 9 เปลี่ยน วัน-เวลา สอบกลางภาค

กลุ่ม 7 เสาร์ที่ 15 พ.ค. 53 เวลา 09.00 น. - 10.30 น. เสร็จแล้วเรียนบทที่ 5 ต่อ
กลุ่ม 9 เสาร์ที่ 15 พ.ค. 53 เวลา 13.30 น. - 14.00 น. เสร็จแล้วเรียนบทที่ 5 ต่อ

วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สอบกลางภาค

หมู่เรียน 8 สอบในคาบวันที่ 8 พ.ค. 53 เวลา 13.30-15.40 น. เลือกตอบ ห้าตัวเลือก 20 ข้อ ข้อเขียน 1 ข้อ คะแนนรวม 20 คะแนน
หมู่เรียน 9 สอบในคาบวันที่ 9 พ.ค. 53 เวลา 13.30 น. - 15.40 น.

เพิ่มเติมบทที่ 4 ทฤษฎีการเรียนรู้และการประยุกต์ใช้

ที่มาของการสืบค้น http://www.wijai48.com/learning_stye/learningprocess.htm

แนวความคิดในเรื่องของการเรียนรู้ของมนุษย์ ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักปรัชญาและนักจิตวิทยามาแต่ในอดีต ซึ่งต่างก็ได้แสดงทัศนะกันไว้อย่างหลากหลาย แนวคิดเหล่านั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการไปในแต่ละยุคแต่ละสมัย รวมทั้งได้ขยายขอบเขตไปสู่เรื่องของการจัดการศึกษาและการสอน การศึกษาแนวคิดในอดีต นอกจากจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่จะช่วยให้เกิดความเข้าใจในเรื่องของการจัดการศึกษาและเกิดแนวความคิดใหม่ๆ แล้วยังเป็นการทบทวนภูมิปัญญาของนักคิดในอดีตซึ่งอาจจะตกหล่นสูญหายหรือเสื่อมความนิยมไปด้วยกาลและสมัยแต่อาจยังทรงคุณค่ามหาศาลต่อการเรียนรู้ของมนุษย์

ทฤษฎีการเรียนรู้เป็นแนวความคิดที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถใช้อธิบายลักษณะของการเกิดการเรียนรู้ หรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ ส่วนหลักการสอนก็คือ แนวคิดที่เป็นหลักของการปฏิบัติทางการสอนที่สอดคล้องกับทฤษฎีการเรียนรู้ต่างๆ

ทฤษฎีการเรียนรู้สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังต่อไปนี้

1. ทฤษฎีเกี่ยวกับการเรียนรู้ช่วงก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 20

1.1 ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการฝึกจิตหรือสมอง(Mental Discipline) นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า จิตหรือสมองหรือสติปัญญา(mind) สามารถพัฒนาให้ปราดเปรื่องได้โดยการฝึก ในการฝึกจิตหรือสมองนี้ทำได้โดยให้บุคคลเรียนรู้สิ่งที่ยากๆ ยิ่งยากมากเท่าไร จิตก็จะได้รับการฝึกให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น หลักการในการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยการกระตุ้นความรู้ในตัวผู้เรียนให้แสดงออกมา วิธีการสอนแบบโสเครติส(Socratic Method) และวิธีการสอนแบบบรรยาย(Didactic Method) เป็นวิธีการสอนตามทฤษฏีนี้ที่ใช้คำถามเพื่อดึงความรู้ในตัวผู้เรียนออกมาให้กระจ่างชัดและช่วยเพิ่มเติมประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียน ซึ่งเป็นวิธีการสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี

1.2 ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการพัฒนาไปตามธรรมชาติ(Natural Unfoldment) นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า ธรรมชาติคือแหล่งเรียนรู้สำคัญ เด็กควรจะได้เรียนรู้ไปตามธรรมชาติ การใช้ของจริงเป็นสื่อในการสอนจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดี การเล่นเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญของเด็ก เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ เด็กมีสภาวะของเด็ก ซึ่งแตกต่างไปจากวัยอื่น การจัดการศึกษาให้เด็กจึงควรพิจารณาระดับอายุเป็นหลัก การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการจัดประสบการณ์เรียนรู้ให้แก่เด็กจะต้องมีความแตกต่างไปจากการจัดให้ผู้ใหญ่ และยึดเด็กเป็นศูนย์กลางให้เสรีภาพแก่เด็กได้เรียนรู้ตามความต้องการและความสนใจของตน ให้เด็กได้เรียนรู้ตามธรรมชาติและเป็นไปตามธรรมชาติ โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและความพร้อมของเด็ก

1.3 ทฤษฎีของกลุ่มที่เน้นการรับรู้และการเชื่อมโยงความคิด(Apperception) นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่า การเรียนรู้เกิดจากแรงกระตุ้นภายนอกหรือสิ่งแวดล้อม(neutral - passive) การเรียนรู้เกิดจากการที่บุคคลได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 (sensation) และความรู้สึก(feeling) คือ การตีความหรือแปลความหมายจากการสัมผัส การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จึงเน้นให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ผ่านทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจได้เป็นอย่างดี

2. ทฤษฎีเกี่ยวกับการเรียนรู้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20

2.1 ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม(Behaviorism) นักคิดในกลุ่มนี้มองธรรมชาติของมนุษย์ในลักษณะที่เป็นกลาง คือ ไม่ดี – ไม่เลว การกระทำต่างของมนุษย์เกิดจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมภายนอก พฤติกรรมของมนุษย์เกิดจากการตอบสนองต่อสิ่งเร้า(stimulus response) การเรียนรู้เกิดจากการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง กลุ่มพฤติกรรมนิยมให้ความสนใจกับ ”พฤติกรรม” มากเพราะพฤติกรรมเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด สามารถวัดและทดสอบได้ ทฤษฏีการเรียนรู้ในกลุ่มนี้ ประกอบด้วยแนวคิดสำคัญๆ 3 แนวด้วยกัน คือ

- ทฤษฎีการเชื่อมโยง(Classical Connectionism) ของธอร์นไดค์

(Thorndike) มีความเชื่อว่าการเรียนรู้เกิดจาการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนอง ซึ่งมีหลายรูปแบบ บุคคลจะมีการลองผิดลองถูกปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบรูปแบบการตอบสนองที่สามารถให้ผลที่พึงพอใจมากที่สุด เมื่อเกิดการเรียนรู้แล้ว บุคคลจะใช้รูปแบบการตอบสนองที่เหมาะสมเพียงรูปแบบเดียว และจะพยายามใช้รูปแบบนั้นเชื่อมโยงกับสิ่งเร้าในการเรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จึงเน้นที่การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนแบบลองผิดลองถูกบ้าง มีการสำรวจความพร้อมของผู้เรียนซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องกระทำก่อนการสอนบทเรียน เมื่อผู้เรียนเกิดการเรียนรู้แล้วครูควรฝึกให้ผู้เรียนฝึกการนำการเรียนรู้นั้นไปใช้บ่อยๆ การศึกษาว่าสิ่งใดเป็นสิ่งเร้าหรือรางวัลที่ผู้เรียนพึงพอใจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้

- ทฤษฎีการวางเงื่อนไข(Conditioning Theory) ประกอบด้วยทฤษฏีย่อย 4 ทฤษฏี ดังนี้ 1) ทฤษฏีการวางเงื่อนไขแบบอัตโนมัติของพาฟลอฟ (Pavlov’s Classical Conditioning) เน้นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไข สรุปแนวคิดตามทฤษฏีนี้ได้ว่า การเรียนรู้ของสิ่งมีชีวิตเกิดจากการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไข 2) ทฤษฏีการวางเงื่อนไขแบบอัตโนมัติของวัตสัน (Watson’s Classical Conditioning) เน้นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไขเช่นกัน สรุปแนวคิดตามทฤษฏีนี้ได้ว่า การเรียนรู้จะคงทนถาวรหากมีการให้สิ่งเร้าที่สัมพันธ์กันนั้นควบคู่กันไปอย่างสม่ำเสมอ 3) ทฤษฏีการวางเงื่อนไขแบบต่อเนื่องของกัทธรี(Guthrie’s Contiguous Conditioning) เน้นหลักการจูงใจ สรุปแนวคิดตามทฤษฏีนี้ได้ว่า การเรียนรู้เมื่อเกิดขึ้นแล้วแม้เพียงครั้งเดียว ก็นับว่าได้เรียนรู้แล้วไม่จำเป็นต้องทำซ้ำอีก 4) ทฤษฏีการวางเงื่อนไขแบบโอเปอร์แรนต์ของสกินเนอร์(Skinner’s Operant Conditioning) เน้นการเสริมแรงหรือให้รางวัล สรุปแนวคิดตามทฤษฏีนี้ได้ว่า การกระทำใดๆ ถ้าได้รับการเสริมแรงจะมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอีก การเสริมแรงที่แปรเปลี่ยนทำให้การตอบสนองคงทนกว่าการเสริมแรงที่ตายตัว การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จึงเน้นที่การเสนอสิ่งเร้าในการเรียนการสอน การจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง มีการแสริมแรงหรือให้รางวัลเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความพึงพอใจที่จะเรียนรู้

- ทฤษฏีการเรียนรู้ของฮัลล์(Hull’s Systematic Behavior Theory) มีความเชื่อว่าถ้าร่างกายเมื่อยล้า การเรียนรู้จะลดลง การตอบสนองต่อการเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้ดีที่สุดเมื่อได้รับแรงเสริมในเวลาใกล้บรรลุเป้าหมาย หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จึงมักคำนึงถึงความพร้อม ความสามารถและเวลาที่ผู้เรียนจะเรียนได้ดีที่สุด การจัดการเรียนการสอนควรให้ทางเลือกที่หลากหลายเพื่อตอบสนองระดับความสามารถของผู้เรียน

2.2 ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม(Cognitivism) เน้นกระบวนการทางปัญญาหรือความคิด ซึ่งเป็นกระบวนการภายในของสมอง นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่าการเรียนรู้ของมนุษย์ไม่ใช่เรื่องของพฤติกรรมที่เกิดจากกระบวนการตอบสนองต่อสิ่งเร้าเพียงเท่านั้น การเรียนรู้ของมนุษย์มีความซับซ้อนยิ่งไปกว่านั้น การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิดที่เกิดจากการสะสมข้อมูล การสร้างความหมายและความสัมพันธ์ของข้อมูลและการดึงข้อมูลออกมาใช้ในการกระทำและการแก้ปัญหาต่างๆ การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสติปัญญาของมนุษย์ในการที่จะสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ตนเอง ทฤษฏีในกลุ่มนี้ที่สำคัญๆ มี 5 ทฤษฏี คือ

- ทฤษฎีเกสตัลท์(Gestalt Theory) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิดซึ่งเป็นกระบวนการภายในตัวมนุษย์ บุคคลจะเรียนรู้จากสิ่งเร้าที่เป็นส่วนรวมได้ดีกว่าส่วนย่อย หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จะเน้นกระบวนการคิด การสอนโดยเสนอภาพรวมก่อนการเสนอส่วนย่อย ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีประสบการณ์มากและหลากหลายซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนสามรถคิดแก้ปัญหา คิดริเริ่มและเกิดการเรียนรู้แบบหยั่งเห็นได้

- ทฤษฎีสนาม(Field Theory) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เกิดขึ้นเมื่อบุคคลมีแรงจูงใจหรือแรงขับที่จะกระทำให้ไปสู่จุดหมายปลายทางที่ตนต้องการ หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการเข้าไปอยู่ใน “โลก” ของผู้เรียน การสร้างแรงจูงใจหรือแรงขับโดยการจัดสิ่งแวดล้อมทั้งทางกายภาพและจิตวิทยาให้ดึงดูดความสนใจและสนองความต้องการของผู้เรียนเป็นสิ่งจำเป็นในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้

- ทฤษฎีเครื่องหมาย(Sign Theory) ของทอลแมน(Tolman) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เกิดจากการใช้เครื่องหมายเป็นตัวชี้ทางให้แสดงพฤติกรรมไปสู่จุดหมายปลายทาง หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการสร้างแรงขับและหรือแรงจูงใจให้ผู้เรียนบรรลุจุดมุ่งหมายใดๆ โดยใช้เครื่องหมาย สัญลักษณ์หรือสิ่งอื่นๆ ที่เป็นเครื่องชี้ทางควบคู่ไปด้วย

- ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา(Intellectual Development Theory) นักคิดคนสำคัญของทฤษฏีนี้มีอยู่ 2 ท่าน ได้แก่ เพียเจต์(Piaget) และบรุนเนอร์(Bruner) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้เน้นเรื่องพัฒนาการทางสติปัญญญาของบุคคลที่เป็นไปตามวัยและเชื่อว่ามนุษย์เลือกที่จะรับรู้สิ่งที่ตนเองสนใจและการเรียนรู้เกิดจากระบวนการการค้นพบด้วยตนเอง หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ คำนึงถึงพัฒนาการทางสติปัญญาของผู้เรียนและจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนอย่างเหมาะสมกับพัฒนาการนั้น ให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์และมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมมากๆ ควรเด็กได้ค้นพบการเรียนรู้ด้วยตนเอง ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้คิดอย่างอิสระและสอนการคิดแบบรวบยอดเพื่อช่วยส่งงเสริมความคิดสร้างสรรค์ของผุ้เรียน

- ทฤษฏีการเรียนรู้อย่างมีความหมาย(A Theory of Meaningful Verbal Learning) ของออซูเบล(Ausubel) เชื่อว่า การเรียนรู้จะมีความหมายแก่ผู้เรียน หากการเรียนรู้นั้นสามารถเชื่อมโยงกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่รู้มาก่อน หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ มีการนำเสนอความคิดรวบยอดหรือกรอบมโนทัศน์ หรือกรอบแนวคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแก่ผู้เรียนก่อนการสอนเนื้อหาสาระนั้นๆ จะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนเนื้อหาสาระนั้นอย่างมีความหมาย

2.3 ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มมนุษยนิยม(Humanism) นักคิดกลุ่มมานุษยนิยมให้ความสำคัญของความเป็นมนุษย์และมองมนุษย์ว่ามีคุณค่า มีความดีงาม มีความสามารถ มีความต้องการ และมีแรงจูงใจภายในที่จะพัฒนาศักยภาพของตน หากบุคคลมีอิสระภาพและเสรีภาพ มนุษย์จะพยายามพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทฤษฏีและแนวคิดที่สำคัญๆ ในกลุ่มนี้มี 2 ทฤษฏีและ 5 แนวคิด คือ

- ทฤษฎีการเรียนรู้ของมาสโลว์ แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ มนุษย์ทุกคนมีความต้องการพื้นฐานตามธรรมชาติเป็นลำดับขั้น และต้องการที่จะรู้จักตนเองและพัฒนาตนเอง หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการเข้าถึงความต้องการพื้นฐานของผู้เรียน และตอบสนองความต้องการพื้นฐานนั้นอย่างพอเพียง ให้อิสรภาพและเสรีภาพแก่ผู้เรียนในการเรียนรู้ มีการจัดบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ซึ่งช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดประสบการณ์ในการรู้จักตนเองตามสภาพความเป็นจริง

- ทฤษฎีการเรียนรู้ของรอเจอร์ แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ มนุษย์สามารถพัฒนาตนเองได้ดีหากอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายและเป็นอิสระ การจัดบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเอื้อต่อการเรียนเรียนรู้และเน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยครูเป็นผู้ชี้แนะและทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนและการเรียนรู้จะเน้นกระบวนการเป็นสำคัญ หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการเรียนรู้กระบวนการเป็นสำคัญ ควรจัดสภาพแวดล้อมทางการเรียนให้อบอุ่น ปลอดภัย ครูควรสอนแบบชี้แนะโดยให้ผู้เรียนเป็นผู้นำทางในการเรียนรู้ของตนและคอยช่วยเหลือผู้เรียนให้เรียนอย่างสะดวกจนบรรลุผล

- แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของโคมส์ เชื่อว่าความรู้สึกของผู้เรียนมีความสำคัญต่อการเรียนรู้มาก เพราะความรู้สึกและเจตคติของผู้เรียนมีอิทธิพลต่อกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน หลักการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้จึงเน้นถึงความรู้สึกของผู้เรียนเป็นหลัก การสร้างเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี

- แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของโนลส์ เชื่อว่าผู้เรียนจะเรียนรู้ได้มากหากมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ มีอิสระที่จะเรียนและได้รับการส่งเสริมในการพัฒนาด้วยตนเอง หลักการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้เน้นการให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียน เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เลือกสิ่งที่เรียนและวิธีเรียนด้วยตนเอง ลงมือกระทำและยอมรับผลของการตัดสินใจหรือการกระทำของตนเอง

- แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของแฟร์ เชื่อว่าผู้เรียนต้องถูกปลดปล่อยจากการกดขี่ของครูที่สอนแบบเก่า ผู้เรียนมีศักยภาพและมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่จะกระทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง หลักการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้เน้นการให้อิสรภาพและเสรีภาพในการเรียนรู้แก่ผู้เรียน

- แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของอิลลิช เชื่อว่าสังคมแห่งการเรียนรู้เป็นสังคมที่ต้องล้มเลิกระบบโรงเรียน การศึกษาควรเป็นการศึกษาตลอดชีวิตแบบเป็นไปตามธรรมชาติ โดยให้โอกาสในการศึกษาเล่าเรียนแก่บุคคลอย่างเต็มที่ หลักการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้เน้นการจัดการศึกษาต่อเนื่องไปตลอดชีวิตไปตามธรรมชาติ

- แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของนีล เชื่อว่ามนุษย์เป็นผู้มีศักดิ์ศรี มีความดีโดยธรรมชาติ หากมนุษย์อยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น บริบูรณ์ด้วยความรัก มีอิสรภาพและเสรีภาพ มนุษย์จะพัฒนาไปในทางที่ดีทั้งต่อตนเองและสังคม หลักการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้ คือ การให้เสรีภาพอย่างสมบูรณ์แก่ผู้เรียนในการเรียน จัดให้เรียนเมื่อพร้อมจะเรียนจะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาไปตามธรรมชาติ

2.4 ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มผสมผสานของกานเย (Gagne’s eclecticism) แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ ความรู้มีหลายประเภท บางประเภทสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องใช้ความคิดที่ลึกซึ้ง บางประเภทมีความซับซ้อนมาก จำเป็นต้องใช้ความสามารถในขั้นสูง หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ การจัดการเรียนรู้อย่างเป็นระบบซึ่งเริ่มจากง่ายไปหายากมีทั้งหมด 9 ขั้น ดังนี้

ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ(Gaining attention)

ขั้นที่ 2 แจ้งจุดประสงค์(Informing the learning)

ขั้นที่ 3 กระตุ้นให้ผู้เรียนระลึกถึงความรู้เดิมที่จำเป็น(Stimulating recall of prerequisite learned capabilities)

ขั้นที่ 4 เสนอบทเรียนใหม่(Presenting the stimulus)

ขั้นที่ 5 ให้แนวทางการเรียนรู้(Providing learning guidance)

ขั้นที่ 6 ให้ลงมือปฏิบัติ(Eliciting the performance)

ขั้นที่ 7 ให้ข้อมูลป้อนกลับ(Feedback)

ขั้นที่ 8 ประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ตามจุดประสงค์(Assessing the performance)

ขั้นที่ 9 ส่งเสริมความแม่นยำและการถ่ายโอนการเรียนรู้(Enhancing retention and transfer)

3. ทฤษฎีการเรียนรู้และการสอนร่วมสมัย

3.1 ทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล(Information Processing Theory) เป็นทฤษฏีที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาสติปัญญาของมนุษย์ โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการทำงานของสมอง ทฤษฏีนี้มีแนวคิดว่า การทำงานของสมองมนุษย์มีความคล้ายคลึงกับการทำงานของคอมพิวเตอร์ หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ การนำเสนอสิ่งเร้าที่ผู้เรียนรู้จักหรือมีข้อมูลอยู่จะสามารถช่วยให้ผู้เรียนหันมาใส่ใจและรับรู้สิ่งนั้น จัดสิ่งเร้าในการเรียนรู้ให้ตรงกับความสนใจของผู้เรียน สอนให้ฝึกการจำโดยใช้วิธีการที่หลากหลาย หากต้องการให้ผู้เรียนจดจำเนื้อหาสาระใดๆ ได้เป็นเวลานาน สาระนั้นจะต้องได้รับการเข้ารหัส(encoding) เพื่อนำไปเข้าหน่วยความจำระยะยาว วิธีการเข้ารหัสสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การท่องจำซ้ำๆ การทบทวน หรือการใช้กระบวนการขยายความคิด

3.2 ทฤษฎีพหุปัญญา(Theory of Multiple Intelligences) ทฤษฏีนี้มีความเชื่อพื้นฐานที่สำคัญ 2 ประการ คือ

1. เชาวน์ปัญญาของบุคคลมิได้มีเพียงความสามารถทางภาษาและทางคณิตศาสตร์เท่านั้น แต่มีอยู่อย่างหลากหลายถึง 8 ประเภทด้วยกัน ประกอบด้วย

- เชาวน์ปัญญาด้านภาษา(Linguistic intelligence)

- เชาวน์ปัญญาด้านคณิตศาสตร์หรือการใช้เหตุผลเชิงตรรกะ(Logical mathematical intelligence)

- สติปัญญาด้านมิติสัมพันธ์(Spatial intelligence)

- เชาวน์ปัญญาด้านดนตรี(Musical intelligence)

- เชาวน์ปัญญาด้านการเคลื่อนไหวร่างกายและกล้ามเนื้อ(Bodily kinesthetic intelligence)

- เชาวน์ปัญญาด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น(Interpersonal intelligence)

- เชาวน์ปัญญาด้านความเข้าใจตนเอง(Intrapersonal intelligence)

- เชาวน์ปัญญาด้านความเข้าใจธรรมชาติ(Naturalist intelligence)

เชาวน์ปัญญาของแต่ละคนอาจจะมีมากกว่านี้ คนแต่ละคนจะมีความสามารถเฉพาะด้านที่แตกต่างไปจากคนอื่น และมีความสามารถในด้านต่างๆ ไม่เท่ากัน ความสามารถที่ผสมผสานกันออกมา ทำให้บุคคลแต่ละคนมีแบบแผนซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน

2. เชาวน์ปัญญาของแต่ละบุคคลจะไม่อยู่คงที่อยู่ที่ระดับที่ตนมีตอนเกิด แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากได้รับการส่งเสริมที่เหมาะสม

หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายที่สามารถส่งเสริมเชาวน์ปัญญาหลายๆ ด้าน ให้เหมาะสมกับขั้นพัฒนาการของผู้เรียน การสอนควรเน้นการส่งเสริมความเป็นเอกลักษณ์ของผู้เรียน ครูควรสอนโดนเน้นให้ผู้เรียนค้นหาเอกลักษณ์ของตน ภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ของตนเอง และเคารพในเอกลักษณ์ของผู้อื่น รวมทั้งเห็นคุณค่าและเรียนรู้ที่จะใช้ความแตกต่างของแต่ละบุคคลให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ระบบการวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ควรมีการประเมินหลายๆ ด้าน และในแต่ละด้านควรเป็นการประเมินในสภาพการณ์ของปัญหาที่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยอุปกรณ์ที่สัมพันธ์กับเชาวน์ปัญญาด้านนั้นๆ การประเมินจะต้องครอบคลุมความสามารถในการแก้ปัญหาหรือการสร้างสรรค์ผลงานโดยใช้อุปกรณ์ที่สัมพันธ์กับเชาวน์ปัญญาด้านนั้นๆ อีกวิธีหนึ่ง

3.3 ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง(Constructivism) เป็นทฤษฏีที่ให้ความสำคัญกับกระบวนการและวิธีการของบุคคลในการสร้างความรู้ความเข้าใจจากประสบการณ์ รวมทั้งโครงสร้างทางปัญญาและความเชื่อที่ใช้ในการแปลความหมายเหตุการณ์และสิ่งต่างๆ เป็นกระบวนการที่ผู้เรียนจะต้องจัดกระทำกับข้อมูล นอกจากกระบวนการเรียนรู้จะเป็นกระบวนการปฏิสัมพันธ์ภายในสมองแล้ว ยังเป็นกระบวนการทางสังคมด้วย การสร้างความรู้จึงเป็นกระบวนการทั้งด้านสติปัญญาและสังคมควบคู่กันไป หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จะมุ่งเน้นไปที่กระบวนการสร้างความรู้(process of knowledge construction) เป้าหมายของการสอนจะเปลี่ยนจากการถ่ายทอดให้ผู้เรียนได้รับสาระความรู้ที่แน่นอนตายตัว ไปสู่การสาธิตกระบวนการแปลและสร้างความหมายที่หลากหลาย ผู้เรียนจะต้องเป็นผู้จัดกระทำกับข้อมูลหรือประสบการณ์ต่างๆ และจะต้องสร้างความหมายให้กับสิ่งนั้นด้วยตนเอง โดยการให้ผู้เรียนอยู่ในบริบทจริง ในการจัดการเรียนการสอนครูจะต้องพยายามสร้างบรรยากาศทางสังคมจริยธรรมให้เกิดขึ้น ผู้เรียนได้มีบทบาทในการเรียนรู้อย่างเต็มที่โดยผู้เรียนจะนำตนเองและควบคุมตนเองในการเรียนรู้ บทบาทของครูจะเป็นผู้ให้ความร่วมมือ อำนวยความสะดวกและช่วยเหลือผู้เรียนในการเรียนรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ตามทฤษฏีนี้มีลักษณะที่ยืดหยุ่นกันไปในแต่ละบุคคล การประเมินควรใช้วิธีการที่หลากหลาย การวัดผลจะต้องใช้กิจกรรมหรืองานในบริบทจริงด้วย ซึ่งในกรณีที่จำเป็นต้องจำลองของจริงมา ก็สามารถทำได้ แต่เกณฑ์ที่ใช้ควรเป็นเกณฑ์ที่ใช้ในโลกความจริงด้วย

3.4 ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเองโดยการสร้างสรรค์ชิ้นงาน(Constructionism) แนวคิดของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้ที่ดีเกิดจากการสร้างพลังความรู้ในตนเอง หากผู้เรียนมีโอกาสได้สร้างความคิดและนำความคิดของตนเองไปสร้างสรรค์ชิ้นงานโดยอาศัยสื่อและเทคโนโลยีที่เหมาะสม จะทำให้ความคิดเห็นนั้นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ ครูจะต้องทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้แก่ผู้เรียน ให้คำปรึกษาชี้แนะแก่ผู้เรียน เกื้อหนุนการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นสำคัญ ในการประเมินผลนั้นต้องมีการประเมินทั้งทางด้านผลงานและกระบวนการซึ่งสามารถใช้วิธีการที่หลากหลาย เช่น การประเมินตนเอง การประเมินโดยครูและเพื่อน การสังเกต การประเมินโดยใช้แฟ้มสะสมงาน

3.5 ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ(Theory of Cooperative or Collaborative Learning) แนวคิดของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อยโดยมีสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกันประมาณ 3 – 6 คน ช่วยกันเรียนรู้เพื่อไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม โดยผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในลักษณะแข่งขันกัน ต่างคนต่างเรียนและร่วมมือกันหรือช่วยกันในการเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จะเน้นให้ผู้เรียนช่วยกันในการเรียนรู้ โดยมีกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนมีการพึ่งพาอาศัยกันในการเรียนรู้ มีการปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด มีการสัมพันธ์กัน มีการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีการวิเคราะห์กระบวนการของกลุ่ม และมีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบงานร่วมกัน ส่วนการประเมินผลการเรียนรู้ควรมีการประเมินทั้งทางด้านปริมาณและคุณภาพ โดยวิธีการที่หลากหลายและควรให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการประเมิน และครูควรจัดให้ผู้เรียนมีเวลาในการวิเคราะห์การทำงานกลุ่มและพฤติกรรมของสมาชิกกลุ่ม เพื่อให้กลุ่มมีโอกาสที่จะปรับปรุงส่วนบกพร่องของกลุ่ม